กรมเจรจาฯพอใจ ผู้ประกอบการใช้สิทธิส่งออกทุเรียนด้วยเอฟทีเอมากเป็นอันดับต้น ๆ ดันส่งออกโตต่อเนื่อง ครองอันดับ 1 โลก ช่วง 7 เดือนปี 2562 ไทยส่งออกทุเรียนสดแล้วกว่า 3 หมื่นล้านขยายตัว 50% ตลาดจีนมาอันดับ 1 ขยายตัวกว่า 80%
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ(จร.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ติดตามผลการส่งออกผลไม้ของไทยไปตลาดโลก พบว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 ทุเรียนยังคงเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด โดยมีสัดส่วนการส่งออกทุเรียนสดมากสุด (ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร ระบุช่วง 7 เดือนแรกปี 2562 ไทยมีมูลค่าการส่งออกทุเรียนสด 988 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือในรูปเงินบาท 30,959 ล้านบาท)ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 50% โดยการส่งออกไปตลาดจีนมีมูลค่า 532 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (16,666 ล้านบาท) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 82%) มีตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ จีนและอาเซียน ปัจจุบันไทยครองเป็นแชมป์ผู้ส่งออกทุเรียนได้เป็นอันดับ 1 ของโลก นำหน้าฮ่องกงและมาเลเซียกว่าเท่าตัว
ทั้งนี้ความตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอมี มีส่วนส่งเสริมให้การส่งออกทุเรียนของไทยเติบโตเพราะช่วยขจัดอุปสรรคภาษีนำเข้าในประเทศคู่ค้า ทำให้ทุเรียนไทยได้แต้มต่อจึงมีโอกาสในการส่งออกและแข่งขันมากขึ้น ปัจจุบันทุเรียนของไทยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 16 ประเทศคู่ค้าที่ไทยมีเอฟทีเอด้วย ได้แก่ จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา ฟิลิปปินส์ บรูไน อินเดีย ชิลี และเปรู เหลือเพียง 2 ประเทศ คือ มาเลเซียและเกาหลีใต้ ที่ยังเก็บภาษีนำเข้าทุเรียนจากไทย แต่ได้ปรับลดอัตราภาษีลง โดยมาเลเซียเก็บที่ 5% ขณะที่เกาหลีใต้ปรับภาษีนำเข้าลงจาก 45% เหลือ 36%
สอดคล้องกับสถิติการใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอในการส่งออกปี 2561 และช่วงครึ่งปี 2562 ที่พบว่าทุเรียนเป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการขอใช้สิทธิประโยชน์ในการส่งออกสูงมากเป็นอันดับต้น โดยเฉพาะในการส่งออกไปจีนและอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย สัดส่วนการส่งออกทุเรียนไปยังสองตลาดนี้ คิดเป็น 78% ของการส่งออกทุเรียนของไทยในภาพรวม
สำหรับในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 ไทยส่งทุเรียนไปจีนแล้วถึง 425 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 70% ส่วนตลาดอาเซียน ไทยส่งออกทุเรียนมูลค่า 219 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19% ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติมูลค่าการส่งออกทุเรียนของไทยในปี 2561 พบว่า การส่งออกทุเรียนไปจีน เพิ่มขึ้นถึง 2,816% เมื่อเทียบกับปี 2545 ซึ่งเป็นปีก่อนหน้าที่จีนยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าทุเรียนจากไทยภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ส่วนตลาดอาเซียนอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้น 41,840% เมื่อเทียบกับปี 2535 ซึ่งเป็นปีก่อนที่อาเซียนจะลดภาษีนำเข้าทุเรียนภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน
นางอรมน กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น ทำให้การค้าผลไม้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากผลไม้สดแล้ว คาดการณ์ว่าตลาดผลไม้แปรรูปในลักษณะขนมขบเคี้ยว จะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน จึงเป็นโอกาสทองที่เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยจะเพิ่มรูปแบบสินค้าส่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ทุเรียนแปรรูป เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอาหาร ทั้งนี้ เพื่อให้สินค้าทุเรียนของไทยครองความเป็นหนึ่งในตลาดอย่างยั่งยืน เกษตรกรและผู้ประกอบการควรรักษามาตรฐานสินค้าและพัฒนาคุณภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเพาะปลูก การบรรจุหีบห่อ และมีใบรับรองสุขอนามัยพืช รวมทั้งควรลดการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงเนื่องจากปัจจุบันตลาดในหลายประเทศมีความเข้มงวด ประกอบกับผู้บริโภคนิยมผลไม้ปลอดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น