ปัดเอื้อประโยชน์"นิตินัย" แจงปิด"เซ็นทรัล วิลเลจ"ทำตามหน้าที่

"นิตินัย" ยันทอท.มีสิทธิทำหน้าที่ตามกฎหมาย ด้านกรมธนารักษ์ชี้ "เซ็นทรัล" รุกล้ำที่ราชพัสดุบริเวณถนนทางเข้า - ออกสนามบินสุวรรณภูมิ

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือทอท. เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า การที่ทอท.ปิดกั้นพื้นที่ในส่วนที่อยู่ในการดูแลของทอท. เพื่อไม่ให้เอกชนเข้ามาสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่ราชพัสดุ เป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่ได้ไปเอื้อประโยชน์กับใครทั้งสิ้น

"เพราะหากไม่ดำเนินการ ผมก็อาจจะติดคุก เพราะผิดมาตรา157 ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผมทำตามหน้าที่ หรือถ้าผู้รู้ด้านกฏหมาย มองว่ามีทางเลือกอื่น ว่าถ้าไม่ทำแบบนี้ แล้วทำแบบไหนได้ ก็แนะมาได้ว่าทอท.มีทางเลือกให้ทำอย่างอื่นหรือไม่"

$ปัดเอื้อประโยชน์\"นิตินัย\" แจงปิด\"เซ็นทรัล วิลเลจ\"ทำตามหน้าที่$

การสร้างสิ่งปลูกสร้าง บางส่วนรุกล้ำที่ราชพัสดุของซีพีเอ็น ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ทอท. ได้ดำเนินการตรวจสอบพบว่า พื้นที่บางส่วนของการก่อสร้างโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล วิลเลจ มีการรุกล้ำเข้ามาในที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ และเป็นเขตพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทอท.ในฐานะหน่วยงานผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าว ไม่สามารถอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างได้ และขอให้ซีพีเอ็นรื้อถอนและเคลื่อนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายในระยะเวลา 15 วัน ซึ่งซีพีเอ็น ก็มารื้อออกไปแล้ว

แต่อยู่ดีๆช่วงใกล้วันเปิดโครงการเซ็นทรัลวิลเลจ เอกชนก็เข้ามาก่อสร้าง ก่อปูน เดินท่อประปาในที่ดินราชพัสดุนี้อีก ทอท.จึงมีหน้าที่ต้องดูแลและระวังรักษาแนวเขตที่ราชพัสดุ เพื่อให้เอกชนดำเนินการรื้อถอน ขนย้ายทรัพย์สิน สิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำออกจากที่ราชพัสดุตามกฎหมาย

ถ้าเอกชนมารื้อสิ่งปลูกสร้างในส่วนที่รุกล้ำออกไปมันก็จบ หรือถ้าซีพีเอ็น เคลียร์ได้ว่ามีสิทธิหรือได้รับอนุญาตให้มาใช้พื้นที่แล้วจริงก็ให้แสดงหลักฐานมา หรือถ้าได้รับการอนุญาตจากกรมทางหลวงก็ไปเอามายืนยัน แล้วให้มาถอนเรื่องที่เข้ามาขออนุญาตจากทอท.ออกไปด้วย หากเอกชนคิดว่าทอท.ไม่ได้เป็นผู้ดูแลพื้นที่นี้

"จริงๆผมก็ไม่ได้อยากไปรับรู้เรื่องนี้ อยากเอาเวลาไปยุ่งกับการแก้ไขความแออัดในสนามบินมากกว่า แค่ต้องถูกดึงเข้ามาดำเนินการทางกฏหมายในเรื่องนี้ เป็นเพราะเป็นตัวแทนกรมท่าอากาศยาน ในการดูแลพื้นที่ตรงนี้ เพื่อใช้ประโยชน์ทางด้านการบิน "นายนิตินัย กล่าวทิ้งท้าย
$ปัดเอื้อประโยชน์\"นิตินัย\" แจงปิด\"เซ็นทรัล วิลเลจ\"ทำตามหน้าที่$

ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เผยว่า ทอท.ยังมีหนังสืออีกฉบับที่แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของทอท. นั่นคือ หนังสือกรมทางหลวง ที่ คค06078/ส.3/962 ที่นายสมบูรณ์ ชาวี ผู้อำนวยการแขวงการทางสมุทรปราการ ทำเรื่องถึงผู้อำนวยการสำนักงานประปาสาขาสุวรรณภูมิ การประปานครหลวง ที่ขออนุญาตวางท่อประปาในเขตทางหลวงหมายเลข 370 ระบุ ผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดินอนุญาตให้วางท่อประปาตามที่เสนอมาได้ แต่ระบุในข้อ 10.ว่า เนื่องจากทางหลวงหมายเลข 370 เป็นที่ราชพัสดุใช้ประโยชน์โดยทอท.และบริษัทมอบให้กรมทางหลวงก่อสร้างและบำรุงรักษา จึงเห็นควรให้ผู้ขอ(การประปานครหลวง)ยื่นเรื่องขออนุญาตไปยังทอท.และสำนักงานธนารักษ์ สมุทรปราการ

$ปัดเอื้อประโยชน์\"นิตินัย\" แจงปิด\"เซ็นทรัล วิลเลจ\"ทำตามหน้าที่$

ขณะที่ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2562 หลังจากมีการตรวจสอบพบว่าคนงานก่อสร้างได้มีการตั้งเพิงพักรุกล้ำถนน กรมธนารักษ์ออกแถลงการณ์ว่า ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอประเด็นข่าวกรณีบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ดำเนินการตรวจสอบพบว่า พื้นที่บางส่วนของการก่อสร้างโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล วิลเลจ ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN มีการรุกล้ำเข้ามาในที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ และเป็นเขตพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทอท.ในฐานะหน่วยงานผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าว ไม่สามารถอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างได้ และขอให้บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ดำเนินการรื้อถอนและเคลื่อนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายในระยะเวลา 15 วัน ปัจจุบันบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการถอยร่นออกจากบริเวณพื้นที่แล้ว

กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลแล้วปรากฏว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าว เป็นที่ราชพัสดุ ซึ่งได้มาโดยกรมท่าอากาศยาน (กรมการบินพาณิชย์เดิม) จัดซื้อจากราษฎรด้วยเงินงบประมาณในช่วงปี พ.ศ. 2511 - 2513 เพื่อใช้ในราชการของกรมท่าอากาศยาน ได้ขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุ จำนวน 26 ทะเบียน รวมเนื้อที่ประมาณ 184 - 13 - 26 ไร่ และอยู่ในความครอบครองของกรมท่าอากาศยาน ปัจจุบันใช้ประโยชน์เป็นทางเข้า – ออกของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งด้านทิศใต้เชื่อมต่อกับทางพิเศษบูรพาวิถี

$ปัดเอื้อประโยชน์\"นิตินัย\" แจงปิด\"เซ็นทรัล วิลเลจ\"ทำตามหน้าที่$

จากกรณีที่เป็นประเด็นข่าวว่า มีเอกชนรุกล้ำเข้ามาในที่ราชพัสดุนั้น กรมท่าอากาศยานในฐานะผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ จึงมีหน้าที่ต้องดูแลและระวังรักษาแนวเขตที่ราชพัสดุ โดยจะต้องแจ้งให้เอกชนดำเนินการรื้อถอน ขนย้ายทรัพย์สิน สิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำออกจากที่ราชพัสดุตามกฎหมาย

ดังนั้น กรณีที่ ทอท. ในฐานะผู้ดูแลแทนกรมท่าอากาศยานได้ดำเนินการให้เอกชนรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ราชพัสดุบริเวณดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้