​​​​​​​‘มณีเงิน 5’ ประกาศศักดา รอบ 2 ออกทำการประมงมหาสมุทรอินเดียใต้

นายกประมงกันตัง เผย ‘เรือมณีเงิน 5’ พลาดเป้าจับปลาได้แค่ 250-260 ตัน ยังโดนมรสุมราคาสัตว์น้ำในประเทศตกต่ำทุบซ้ำ แต่ไม่ท้อเตรียมออกลุยจับปลามหาสมุทรอินเดียใต้ใหม่ กำลังรอให้ กสทช.รับรองสัญญาณดาวเทียมรุ่นใหม่ หากได้เมื่อไรพร้อมออกทันที

เรือมณีเงิน 5” เรือประมงนอกน่านน้ำลำแรกที่ได้รับอนุญาตให้ออกทำการประมงนอกน่านน้ำไทยหลังประกาศใช้กฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ.2562 และหลังจากที่สหภาพยุโรป (อียู)ได้ประกาศปลดสถานะใบเหลืองให้กับประเทศไทย ในรอบ 4 ปี ออกทำการประมงนอกน่านน้ำไทยเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ในบริเวณพื้นที่ Saya de Malha Bankซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรอบความร่วมมือว่าด้วยการทำประมงในพื้นที่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้ (SIOFA)ซึ่งไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกตั้งแต่พฤษภาคม 2560 เรือลำดังกล่าวได้แจ้งกลับเข้าเทียบท่าเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา

นายสฤษพัฒน์ ภมรวิศิษย์ นายกสมาคมประมงกันตัง จังหวัดตรัง เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า  “เรือมณีเงิน 5" เป็นเรือประมงนอกน่านน้ำมีขนาด 312 .73 ตันกรอส ทำประมงด้วยเครื่องมืออวนลากแผ่นตะเฆ่/เบ็ดมือ ได้แจ้งออกทำการประมงนอกน่านน้ำเป็นระยะเวลา 75 วัน มีการลงทำประมงทั้งหมด 120 ครั้ง แบ่งเป็นอวนลากแผ่นตะเฆ่ 96 ครั้ง เบ็ดมือ 24 ครั้ง สามารถจับสัตว์น้ำได้ทั้งหมด 253.8 ตัน โดยอวนลากสามารถจับสัตว์น้ำได้ทั้งหมด 222.2 ตัน ซึ่งประกอบด้วย ปลาปากคม 77,099 กก. ปลาทูแขก 42,124 กก. ปลาทรายแดง 34,804 กก. และปลาอื่นๆ 68,245 กก. และเบ็ดมือ จับสัตว์น้ำได้จำนวน 31.6 ตัน ซึ่งประกอบด้วย ปลาตะคอง 25,130 กก. ปลากะพงแดง1,364 กก. ปลาหมูสี 1,301 กก. และปลาอื่นๆ 3,807 กก.

“ยอดขายไม่ได้ถึงเป้าที่คาดไว้  เพราะเหตุผลหลายอย่าง อาทิ ราคาปลาตกต่ำ โรงงานไม่ได้เปิดไลน์การผลิตในชนิดปลานั้น เป็นต้น สาเหตุที่ออกไปจับปลาได้แค่ 3 เดือน เป็นระยะเวลากรอบของกฎหมาย เนื่องจากระบบดาวเทียมไม่เสถียรจำเป็นที่จะต้องนำเรือกลับเข้าฝั่ง

นายสฤษพัฒน์ กล่าวว่า  ในเร็วๆ จะนำเรือจะออกไปทำการประมง แต่ยังติดเงื่อนไขก็ต้องให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รับรองดาวเทียมก่อน เพราะเป็นรุ่นใหม่ อีกด้านจะต้องให้ทางกรมประมงช่วยเร่งผลักดันให้ กสทช.เร่งอนุมัติ เป็นเครื่องที่ราคาไม่แพงมาก จำเป็นต้องเปลี่ยนเพราะของเดิมสัญญาณไม่เสถียร มีจุดอับของสัญญาณ ซึ่งหากขยายตัวจานให้ใหญ่ขึ้น ค่าใช้จ่ายสูงกว่าเดิมเยอะ สู้เปลี่ยนเจ้าใหม่ดีกว่า แต่เจ้าใหม่ก็ติดปัญหาก็คือ กสทช.ยังไม่ได้รับรอง

ปัจจุบันมีเรือสนใจที่เข้าร่วมโครงการนี้ทั้งหมด 15 ลำ น่าจะเป็นปริมาณสูงสุดในพื้นที่ดังกล่าวรับได้โดยไม่กระทบต่อการทำประมงในระยะยาว ส่วนจะไปทำประมงในน่านน้ำอื่น ก็ต้องอาศัยกรมประมงไปเปิดตลาดใหม่ให้