พาณิชย์ชี้ เทรดวอร์-ส่งออกชะลอตัว-บาทแข็ง ส่งผลให้การใช้สิทธิประโยชน์ FTA ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่2 แนะผู้ประกอบการใช้สิทธิส่งออกภายใต้ FTA อาเซียน-จีน เพื่อทดแทนสินค้าสหรัฐฯ ในตลาดจีนที่ถูกขึ้นภาษี
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ยอดการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าในช่วง 7 เดือนแรกลดลง 2.32% ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันรวมทั้งเงินบาทแข็งค่า กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันทำให้การส่งออกไปยังตลาดสำคัญที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ)แล้ว ได้แก่ อาเซียน ออสเตรเลีย ชิลี เกาหลีใต้ มีการใช้สิทธิประโยชน์ลดลงตามไปด้วย
โดยตลาดที่ยังมีโอกาสจะผลักดันให้มีการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าได้เพิ่มขึ้น คือ จีน โดยไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังจีน เพื่อทดแทนสินค้าจากสหรัฐฯ ที่ถูกจีนขึ้นภาษี เพราะพบรายการสินค้าบางรายการ มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่อัตราการใช้สิทธิฯ ยังไม่สูงมากนัก เช่น อาหารปรุงแต่งอื่นๆ ใช้สิทธิเพียง 76.65 % เครื่องอัดลมหรืออัดก๊าซอื่น ๆ 57.88% ทับทิม แซปไฟร์และมรกต 13.70% เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณที่เป็นของเทียมอื่นๆ 2.61% และยังมีกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมต้นน้ำที่มีศักยภาพในการส่งออก แต่ยังใช้สิทธิฯ ได้ไม่เต็มที่ภายใต้กรอบ FTA ได้แก่ เส้นใยโพลีเอสเทอร์ 4.04% เดนิม 54.37% และส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับวัดหรือตรวจสอบของเครื่องฉายโพรไฟล์ 36.52%
สำหรับภาพรวมการใช้สิทธิประโยชน์ในช่วง 7 เดือนที่มีมูลค่า 42,129.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น52 % โดยในปีนี้กรมตั้งเป้าหมายการใช้สิทธิที่มูลค่า 81,025 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนการใช้สิทธิ GSP มีมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18.61% สหรัฐฯ