“เจ เอส แอล” เพิ่มช่องทางหารายได้ แตกไลน์รุกธุรกิจความงาม จับ มือ “พสุธารา” ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ดังปั้นแบรนด์สกินแคร์ออร์แกนิก “Ali” เล็งเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้มีกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศผ่านตัวแทนจำหน่าย
จากสภาวะเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของสื่อดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการเข้ามาของเทคโนโลยี ยังส่งผลกระทบต่อไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค มีผลต่อสินค้าและบริการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการเข้าถึงผู้บริโภค ขณะที่ในด้านของธุรกิจบันเทิง คอนเทนต์และคุณภาพก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ชมให้ความสำคัญ และเป็นหัวใจหลักของอุตสาหกรรม และเมื่อสำรวจในบ้านเราเหลือผู้ผลิตคอนเทนต์รายใหญ่เพียงไม่กี่รายที่ยังหลงเหลืออยู่ และหนึ่งในนั้นคือ บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด
ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดผู้ผลิตคอนเทนต์มีการแข่งขันข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าใหญ่รายเดิมหรือผู้เล่นรายใหม่ที่สามารถผลิตคอนเทนต์ผ่านสื่อต่างๆได้มากขึ้นและง่ายขึ้น ทำให้นักธุรกิจที่สนใจลงทุนในแต่ละคอนเทนต์ลดน้อยลง ดังนั้นการจะเป็นผู้ผลิตเช่าเวลาสถานีแล้วก็ไปหาโฆษณาเพียงอย่างเดียวนั้นคงไม่เพียงพอทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ทางรอดจึงต้องหาโมเดลธุรกิจแบบใหม่ที่จะพยุงสถานการณ์นี้ได้ นั่นคือการเป็นผู้รับจ้างผลิต
รติวัลคุ์ ธนาธรรมโรจน์
นางสาวรติวัลคุ์ ธนาธรรมโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอส แอล โกลบอลมีเดีย จำกัด ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 40 ปี ทําให้บริษัท เจ เอส แอล โกลบอลมีเดีย จํากัด ก้าวสู่การเป็น 1 ใน 5 บริษัทผลิตคอนเทนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยรวมทั้งเป็นอีเวนต์ออร์แกไนเซอร์ชั้นนํา ซึ่งมุ่งหาความแตกต่างที่มีคุณภาพและมอบคุณค่าให้แก่ผู้ชมและสังคมเสมอมา ในขณะเดียวกันก็ปรับตัวให้ก้าวทันต่อเทคโนโลยีที่มีการเกิดใหม่และเปลี่ยนแปลง ล่าสุดได้จับมือกับแบรนด์พสุธาราฟาร์มเลมอนและพืชสมุนไพรที่ปลูกแบบอินทรีย์ไร้สารเคมี ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติภายใต้แบรนด์ใหม่ ชื่อ อัลลี่ (Ali)
“ส่วนตัวมองว่าการทำธุรกิจใดๆให้ยั่งยืนนั้นต้องมาจากการทำสิ่งที่ดี ทำสิ่งที่เรารักก่อนแล้วคนจะมองเห็นเองว่าดีและอยากจะบริโภค ที่สำคัญไม่ควรทำสินค้าที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่ใช้เพราะมันเหมือนกับการหลอกผู้บริโภคถ้าของดีต้องกล้าใช้เองและต้องหลงรัก ซึ่ง Ali ไม่ได้ทำแค่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายเท่านั้นแต่จะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายในครัวเรือนและเครื่องสำอางด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มคนวัยทำงานและคนรักสุขภาพที่มีกำลังซื้อ”
ในส่วนของกลยุทธ์การตลาด บริษัทต้องการสร้างภาพจำว่า Toxin-free solutions for urban lifestyle มีการสร้างพันธมิตรกับหลากหลายธุรกิจ(collaboration project) เช่น ธุรกิจเพื่อสังคมสินค้าโดยคนตาบอด ชุดสังฆทาน ธารใจบริสุทธิ์ ซึ่งออกจำหน่ายช่วงออกพรรษานี้ เป็นต้น อีกทั้งยังมีการให้ความรู้ เวิร์กช็อปด้วย นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมขยายสู่ผู้แทนจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และการเป็นผู้รับผลิตผลิตภัณฑ์ (OEM) ให้กับธุรกิจโรงแรมสปาหรือโรงพยาบาลที่ต้องการสินค้าปลอดสารเคมีต่อไปอีกด้วย รวมถึงช่องทางการขายผ่าน E-commerce
ด้านนายปรมินทร์ วัฒน์นครบัญชา ผู้ร่วมก่อตั้ง พสุธารา กล่าวว่า ส่วนตัวพบว่าโลกถูกขับเคลื่อนด้วยความเชื่อดังนั้นการเลือกพันธมิตรทางธุรกิจสำหรับเราจึงมากกว่าเรื่องผลประโยชน์ แต่กลับกันคือการทำงานบนฐานความเชื่อเดียวกันรวมทั้งต้องเชื่อและศรัทธาซึ่งกันและกัน การตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรกับ เจ เอส แอลในการสร้างแบรนด์อัลลี่ (Ali) ขึ้นมา เพราะเชื่อในเรื่องเดียวกันว่า Life is beautiful โดยพสุธาราถนัดด้านการผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ธรรมชาติส่วน เจ เอส แอล ถนัดด้านการสื่อสาร สิ่งดีงามออกไปสู่สังคม การร่วมมือกันครั้งนี้จึงเป็นการทวีความเป็นไปได้จริงในการสร้าง toxin-free lifestyle สำหรับคนเมือง
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3520 ระหว่างวันที่ 7 - 9 พฤศจิกายน 2562