นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กลยุทธ์การดำเนินงานของแอมเวย์นับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้วิชัน 10 ปีกับการเข้าสู่ยุคดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อสนองนโยบายของบริษัทแม่ภายใต้ยุทธศาสตร์ “A70” ในโอกาสฉลองครบรอบ 70 ปีของแอมเวย์ในอีก 10 ปีข้างหน้า ด้วยการบูรณาการโครงสร้างด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ทั้งแอพพลิเคชัน เทรนนิ่ง แวร์เฮาส์ เพื่อทรานส์ฟอร์มสู่การเป็น “social selling” เต็มรูปแบบในช่วง 3-5 ปีนับจากนี้ พร้อมกันนี้ยังจะมีการใช้ไมโคร อินฟลูเอ็นเซอร์ในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น
พร้อมกันนี้ยังมีการปรับองค์กรให้พร้อมรับมือกับการรองรับการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าในยุคดิจิทัลในช่วงที่ผ่านมา เพื่อรองรับการทำงานของแพลตฟอร์มใหม่ ควบคู่กับการปรับรูปแบบการขายให้ตัวแทนจำหน่ายสามารถใช้โซเชียลแพลตฟอร์มในการขายได้ จากเดิมที่ธุรกิจของแอมเวย์ เป็นขายตรงแบบดั้งเดิมคือ นักธุกิจแอมเวย์ต้องไปหาลูกค้า พบปะ สั่งซื้อสินค้า เพื่อจำหน่ายและนำของไปให้ เนื่องจากรูปแบบธุรกิจในอดีตไม่อนุญาตให้ขายผ่านออนไลน์ แต่ช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ปลดล็อก พร้อมปรับกฎกติกาการขายใหม่ ให้ตัวแทนจำหน่ายสามารถใช้โซเชียลแพลตฟอร์มได้เพื่อรองรับการเข้ามาของยุคดิจิทัล
“ดิจิทัลแพลตฟอร์มคือเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกให้แก่ตัวแทนจำหน่าย นักธุรกิจแอมเวย์ แน่นอนวันนี้แอมเวย์ใช้มาร์เก็ตเพลสเป็นช่องทาง แต่จะไม่มีการเข้าไปอยู่ดำเนินธุรกิจอย่างอื่นหรือมีสินค้าอื่นวางจำหน่ายแน่นอน เพราะถ้าหากเราเข้าไปในธุรกิจมาร์เก็ตเพลสดังกล่าวเท่ากับว่าจุดยืนของแอมเวย์จะเปลี่ยนไป”
ขณะเดียวกันยังมีการนำดิจิทัลแพลตฟอร์มจากแอมเวย์จีน ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงเพียงแค่ 3-4 ปี ก็สามารถสร้างสัดส่วนการซื้อสินค้าจากช่องทางดิจิทัลได้แล้วกว่า 70-80% เนื่องมาจากพฤติกรรมลูกค้าที่นิยมใช้อี-คอมเมิร์ซในการซื้อสินค้า ซึ่งส่วนหนึ่งของดิจิทัลแพลตฟอร์มในแอมเวย์ไทยจะมีการแลกเปลี่ยนแอพพลิเคชันกับพฤติกรรมลูกค้าชาวไทยมาใช้ โดยที่ผ่านมาได้มีการนำแอพพลิเคชันจากแอมเวย์จีนกว่า 20 รายการ อาทิ แอพพลิเคชันแต่งหน้า แอพ พลิเคชันคำนวณยอด เข้ามาปรับใช้แล้ว
สำหรับความท้าทายในการปรับเปลี่ยนแผนงานของการขายในยุคดิจิทัล คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้า นักขายของแอมเวย์รุ่นเก่าที่ทำธุรกิจและซื้อขายกันมากว่า 30-40 ปี ให้มีความเชื่อและหันมาใช้ดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้ได้
นายกิจธวัชกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการแข่งขันในธุรกิจขายตรงปีหน้าประเมินว่าธุรกิจขายตรงบริษัทเล็กๆ อาจจะมีหายไปบ้างตามสภาพการณ์แข่งขันที่สูงขึ้น ขณะที่กลุ่มบริษัทขายตรงขนาดใหญ่จะยังคงสามารถอยู่ได้ในตลาด ดังนั้นแนวทางการทำงานในปีหน้าทีมบริหารของแต่ละองค์กรจำเป็นต้องปรับการบริหารงานให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของผู้แทนจำหน่ายและลูกค้า และเพื่อให้ทันต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงของตลาด และการเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายมีรายได้ทะลุ 3 หมื่นล้านบาทในปี 2568 หรือมีอัตราการเติบโต 6-7% ต่อปี พร้อมมั่นใจเพิ่มสัดส่วนการซื้อสินค้าออนไลน์ของลูกค้าแอมเวย์ไทยเป็น 50% ในอีก 5 ปี จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ 15% ขณะที่ในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยธุรกิจขายตรงจะมีมูลค่า 6.9 หมื่นล้านบาท มีการเติบโตราว 7%
ด้านนางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีหน้าบริษัทยังคงเน้นผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามกลุ่มเฉพาะบุคคล (Personalized Product) พร้อมปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เข้าถึงง่ายสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลตามแผนงานต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจและเติมเต็มประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้ภายใต้สภาวะของตลาดที่มีการแข่งขันสูง
หน้า 30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,528 วันที่ 5-7 ธันวาคม 2562