นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลางและอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าขณะนี้ททท.อยู่ระหว่างการจับตาดูสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่านว่าจะมีการขยายผลกระทบไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางโดยรวมหรือไม่ทั้งนี้หากจำกัดพื้นที่อยู่เฉพาะอิหร่าน ก็จะไม่ได้ส่งผลต่อการท่องเที่ยวของไทยแต่อย่างใด
เนื่องจากททท.ไม่ได้ทำเชิงรุกอิหร่านมาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่อิหร่านถูกสหรัฐอเมริกาบอยคอต รวมถึงที่ผ่านมาททท.ก็ได้ปรับแผนโดยโยกงบประมาณด้านการทำตลาดจากอิหร่านไปทำตลาดอื่นอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือคูเวตแทน แม้ว่าในอดีตอิหร่านจะเป็นอันดับ1 ของนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางที่เดินทางมาเที่ยวไทยมากที่สุดก็ตาม
อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์กระทบไปยังหลายพื้นที่ในตะวันออกกลาง เหมือนสงครามอ่าวในอดีต ก็จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทย เพราะจากความตึงเครียด และราคาน้ำมันที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้น ก็ทำให้คนจากตะวันออกกลางไม่อยากเดินทางมาเที่ยว ก็จะยิ่งตอกย้ำให้ตลาดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางมาไทย จากเดิมที่ติดลบอยู่แล้ว ยิ่งลดลงไปมากกว่าเดิม ในช่วงหลายปีมานี้นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางมาเที่ยวไทยลดลงจากต่อเนื่อง
จากปัญหาเศรษฐกิจในตะวันออกกลางที่ชลอตัว อย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นตลาดหลักในตะวันออกกลาง มีประชากรอยู่ 10 ล้านคน แต่เป็นกลุ่มที่เข้าไปทำงานกว่า 9 ล้านคน เมื่อเศรษฐกิจแย่เขาก็เดินทางมาเที่ยวไทยน้อยลง ประกอบกับปัจจุบันตะวันออกกลางก็มีโรงพยาบาลและมีการอิมพอร์ตหมอเข้าไปเป็นจำนวนมาก ก็ทำให้การเดินทางมาไทยเพื่อรักษาพยาบาลในไทย(เมดิคัล)จึงลดลง
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาททท.ต้องปรับแผนหันมาโปรโมทเรื่องของเวลเนส หรือการป้องกันรักษาสุขภาพก่อนป่วยในไทย รวมถึงปรับการทำตลาดไปโฟกัสกลุ่มข้าราชการในตะวันออกกลางแทน เช่น ตำรวจ เพราะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการชลอตัวของเศรษฐกิจในตะวันออกกลาง โดยปัจจุบันเราทำตลาดนี้ในดูไบ ต่อไปก็จะขยายต่อไปยังอาบูดาบีต่อไป
ทั้งนี้จากสถิติในเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2562 พบว่าตลาดตะวันออกกลาง เดินทางมาเที่ยวไทย 6.45 แสนคน (-5.61% ) สร้างรายได้ 5.22 หมื่นล้านบาท (-4.21%)