สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)เผย ผลผลิตรวม ทั้ง 4 สินค้า ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ จันทบุรี ระยอง และตราดคาดว่าจะมีประมาณ 991,618 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีจำนวน 886,535 ตัน (เพิ่มขึ้น 105,083 ตัน หรือ ร้อยละ 11.85) โดยผลผลิตจะออกมากช่วงปลายเดือนเมษายน ต่อเนื่องถึงกลางเดือนพฤษภาคม 2563 ซึ่งคาดว่าผลผลิตรวมของทั้ง 4 สินค้าจะเพิ่มขึ้นทุกชนิด โดยทุเรียน จะเพิ่มขึ้นมากที่สุดอยู่ที่ร้อยละ 15.60 เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยและราคาดีต่อเนื่อง จูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาต้นทุเรียนดี
นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี ประธานกรรมการบริษัท ริชฟิลด์ เฟรชฟรุ๊ต จำกัด ผู้ส่งออกทุเรียนรายใหญ่ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากการที่ทางรัฐบาลจีนได้ประกาศให้ภูมิภาคระดับมณฑล 30 แห่ง ซึ่งมีรายงานผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับสูงสุดเพื่อยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสนั้นจะได้รับผลกระทบรุนแรง โดยเฉพาะมังคุด และทุเรียน ผลผลิตปีนี้เยอะมาก
“ยอมรับว่าปีนี้ชาวสวนน่าเป็นห่วงมาก ส่วนล้งจีนก็ปักหลักอยู่ในเมืองไทย แต่ยังไม่เปิดล้งมองว่าจะเป็นผลดีกับผู้บริโภคที่จะได้รับประทานทุเรียนแก่ขึ้นเพราะขายไม่ออก ขณะที่ตลาดอินโดนีเซียไม่ให้เข้า เพราะไทยไม่มีอำนาจในการต่อรองเจรจาจึงทำให้ไม่สามารถเข้าไปขายได้แล้ว ขณะที่ตลาดจีนกว่าจะฟื้นก็คงต้องใช้เวลา”
สอดคล้องกับนายไพบูลย์ วงศ์โชติสถิต นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย กล่าวมีผลกระทบแน่นอน จะส่งผลทำให้ราคาผลไม้ในประเทศอ่อนตัวลงหากเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ผลผลิตมีเยอะมาก เพราะคำว่า “แล้ง” ไม่ใช่หมายถึงทุเรียนจะน้อยลง แต่ปีนี้ผลผลิตมากกว่าทุกๆ ปี และไวรัสโคโรนา อย่างน้อยจะต้องใช้เวลา 3 เดือนกว่าทุกอย่างจะจบ ในขณะนั้นผลไม้ออกมาแล้ว ดังนั้นสินค้าทุกอย่างที่ไปจีนในช่วงนี้ลำบากหมดไม่ใช่แค่ผลไม้อย่างเดียว เนื่องจากตลาดจีนเป็นตลาดใหญ่มาก