นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม GRAMMY เปิดเผยว่า ในปี 2562 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า บริการและค่าลิขสิทธิ์ จำนวน 6,602 ล้านบาทลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย แต่ความสามารถในการบริหารต้นทุนดีกว่าปีเก่ามาก โดยอัตรากำไรขั้นต้น 39% ทำให้บริษัทมีผลกำไร 342 ล้านบาท โดยธุรกิจเพลง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ประกอบด้วยการจำหน่ายสินค้าเพลง, ดิจิทัลมิวสิค, การจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์, ธุรกิจโชว์บิซ, ธุรกิจบริหารศิลปินและธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมฟรีทูแอร์ช่องแฟนทีวี มีรายได้รวม 4,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% และคิดเป็นสัดส่วน 61% ของรายได้จากการขายสินค้า การให้บริการ และค่าลิขสิทธิ์ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของธุรกิจโชว์บิซ ธุรกิจดิจิทัลมิวสิค และธุรกิจการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์
ธุรกิจการร่วมค้า ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านการสร้างสรรค์คอนเทนต์คุณภาพที่ตรงใจผู้ชม ประกอบกับกลยุทธ์การจัดวางผังรายการที่มีความหลากหลาย เพื่อก้าวสู่ความเป็น National Television เข้าถึงผู้ชมกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง ตลอดปีที่ผ่านมา ละคร “ช่องวัน31” ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งในแง่ของเรตติ้งและกระแสโซเชียล อาทิ ละครเรื่อง “หัวใจศิลา” , “ลูกกรุง” “ใบไม้ที่ปลิดปลิว” และ “My Ambulance รักฉุดใจ นายฉุกเฉิน” ขณะที่รายการข่าว และวาไรตี้ก็ได้รับความนิยมและสามารถสร้างเรตติ้งได้เช่นกัน
กลุ่มธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง ประกอบด้วยดิจิทัลทีวีช่องจีเอ็มเอ็ม25 ธุรกิจสื่อวิทยุและโชว์บิซ และธุรกิจผู้ผลิตคอนเทนต์ โดยในปีที่ผ่านมาช่องจีเอ็มเอ็ม 25 มีทั้งละครและซีรีส์ ที่ได้รับความนิยม ตัวอย่างเช่น “เมียน้อย” “แรงเทียน” และ “รักหมดใจ” ในขณะที่ธุรกิจวิทยุและโชว์บิซมีผลประกอบการที่ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยในปี 2562 มีการจัดคอนเสิร์ตมากมาย เช่น “The Real Nadech Concert” “Cassette Festival” และ “J Adrenaline 360 Concert” เป็นต้น
บุษบา ดาวเรือง
ธุรกิจเทรดดิ้ง ประกอบด้วยธุรกิจซื้อขายสินค้าโฮม ช้อปปิ้งภายใต้ชื่อ “โอ ช้อปปิ้ง” และธุรกิจจัดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณดาวเทียม “จีเอ็มเอ็ม แซท” โดยในปี 2562 ธุรกิจกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม “จีเอ็มเอ็ม แซท” มีรายได้เท่ากับ 280 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 16% ส่วนธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง รายได้เท่ากับ 1,694 ล้านบาท ลดลง 27% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวส่งผลให้มูลค่าตลาดโฮมช้อปปิ้งเติบโตน้อยกว่าปีที่ผ่านมา
ธุรกิจภาพยนตร์ มีภาพยนตร์เข้าฉาย 3 เรื่องคือ “Friend Zone...ระวังสิ้นสุดทางเพื่อน” “ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค” และ “ฮาวทูทิ้ง...ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ” มีรายได้ Box Office รวมเท่ากับ 289 ล้านบาท เมื่อรวมรายได้จากช่องทางอื่นแล้ว ส่งผลให้รายได้รวมทั้งหมดจากธุรกิจภาพยนตร์ในปีนี้เท่ากับ 465 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11%
กำไรขั้นต้นในปีนี้เท่ากับ 2,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% คิดเป็นสัดส่วน 39% ของรายได้รวมจากการขายสินค้า การให้บริการและค่าลิขสิทธิ์ ในขณะที่ปีก่อนมีสัดส่วน 36% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ปีนี้เท่ากับ 2,118 ล้านบาท ลดลง 4% เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขายที่ลดลง 19% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 1% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิในปี 2562 เท่ากับ 342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 326 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท