ข้าวถุงปรับขึ้นราคา 20% มากสุดรอบ 10 ปี

นายระพีพัชญ์ ธนถาวรกิตติ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า จากราคาข้าวเปลือกที่ขยับสูงขึ้นมากในเวลานี้ (ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 9,000-10,900 บาท ขึ้นกับคุณภาพและความชื้น สูงสุดในรอบ 7 ปี) ส่งผลถึงต้นทุนข้าวสารที่ใช้ผลิตข้าวสารบรรจุถุงปรับตัวสูงขึ้น และมีผลให้ราคาข้าวสารบรรจุถุงปรับตัวจากเดิมแล้วในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาประมาณ 20% ถือเป็นการปรับราคาสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี

สำหรับราคาข้าวสารบรรจุถุงนี้ถือว่ามีการปรับราคาช้ากว่าราคาข้าวที่ขายตามร้านยี่ปั๊ว ซาปั๊ว หรือร้านที่ตักข้าวชั่งกิโลขายทั่วไป ที่เมื่อราคาข้าวจากโรงสีปรับตัวสูงขึ้น เมื่อซื้อมาขายก็สามารถปรับราคาขึ้นได้เลย ขณะที่ผู้ประกอบการข้าวถุงต้องผูกสัญญาไว้กับห้างโมเดิร์นเทรดต้องแจ้งทางห้างฯ ล่วงหน้า 10-15 วันจึงจะปรับราคาได้ เวลานี้มีหลายแบรนด์ที่แจ้งทางห้างฯ เพื่อขอปรับราคาแล้ว

“ราคาข้าวถุงช่วงนี้ปรับขึ้นค่อนข้างแรง โดยเฉพาะข้าวขาวที่ปรับขึ้นแล้วประมาณ 20% จากผลผลิตข้าวเปลือกของเกษตรกรมีน้อยลง จากผลกระทบภัยแล้งโรงสีแย่งซื้อ อย่างไรก็ตามข้าวเพื่อบริโภคของไทยไม่ขาดตลาด ล่าสุดสต๊อกข้าวสารรวมกันของทุกฝ่าย ทั้งโรงสี ข้าวถุง ผู้ส่งออก และอื่น ๆ คาดจะมีประมาณ 5 ล้านตัน ข้อมูลการบริโภคข้าวของคนไทยกว่า 60 ล้านคน (ไม่รวมทารกแรกเกิด) ณ ปัจจุบันมีการบริโภคข้าว 83-84 กิโลกรัมต่อคนต่อปี หรือเฉลี่ย 230 กรัมต่อคนต่อวัน คิดเป็นปริมาณรวม 4 แสนตันต่อเดือน ซึ่ง 5 ล้านตัน ถ้าไม่มีข้าวใหม่มาเติมก็สามารถใช้บริโภคได้อีกเป็นปี”

อย่างไรก็ดีในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมนี้จะมีข้าวนาปรังเก็บเกี่ยวรอบสองออกสู่ตลาด คาดจะทำให้ราคาข้าวถุงอ่อนตัวลง จากนี้ไปราคาข้าวถุงคงปรับขึ้นอีกไม่มาก ขอให้เห็นใจผู้ประกอบการด้วยเพราะเป็นการปรับขึ้นตามกลไกตลาด ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีการปรับเพราะตลาดมีการแข่งขันสูง และการที่ราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้นทุกฝ่ายควรที่จะยินดีกับชาวนา