‘ไทยชูรส’ อัด 40 ล้าน ฟื้นตลาดQ3
“ไทยชูรส” ยอดทรุด 40% เดินหน้าสู้ควัก 40 ล้านบาท เร่งพลิกเกมฟื้นตลาดไตรมาส 3 พร้อมโหมแคมเปญ โฆษณาทีวี ออนไลน์ เต็มสูบ หวังบาลานซ์ยอดขายตามเป้า
นายชัยชาญ อรุณสมบัติ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทยชูรส จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ไทยชูรสตรา “ชฎา” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ยอดขายของบริษัทในเดือนเมษายน ที่ผ่านมาลดลง 30-40% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม เนื่องจากร้านค้าหยุดขายจำนวนมาก โดยเฉพาะ ร้านอาหาร ตัวแทนจำหน่ายต่างๆ หรือแม้กระทั่งร้านค้าโชวห่วย และตลาดที่ไม่สามารถเปิดขายได้ตามปกติหรือหากขายได้ก็ขายได้จำนวนน้อยลง ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบตามไปด้วย
ขณะที่แนวโน้มสถานการณ์ในช่วงของเดือนพฤษภาคมพบว่าตลาดต่างๆ เริ่มกลับมาเปิดการค้าขายปกติ ภายหลังภาครัฐมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ โดยลูกค้าเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาใกล้เคียงในช่วงปกติ ขณะเดียวกันบริษัทเริ่มจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นให้ร้านค้าเข้ามาซื้อของมากขึ้น
สำหรับแผนงานในครึ่งปีหลังบริษัทได้โยกงบประมาณการตลาด 40 ล้านบาท จากเดิมที่จะใช้ในไตรมาส 2 ไปทำกิจกรรมในไตรมาส 3 และ 4 ภายหลังสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขายที่หายไปบวกกับสถานการณ์ที่เร่งเข้ามาทำให้เหลือการทำตลาดเฉพาะช่วงเวลาในครึ่งปีหลังเท่านั้น ในไตรมาส 3 เป็นต้นไปจะได้เห็นมูฟเมนต์ใหม่ๆ ของบริษัทอย่างแน่นอน
“แผนงานที่เลื่อนออกไปก็ยังเป็นแผนงานเดิมเพียงแค่เลื่อนช่วงเวลาออกไปเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งอาจจะมีการทำหนังโฆษณาชุดใหม่ออกมา เบื้องต้นขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาแผนงานและประเมินตลาด ขณะที่งบประมาณที่วางไว้นั้นจะมีการลดงบประมาณหรือไม่ก็ต้องมีการประเมินสถานการณ์ต่อจากนี้ว่าเป็นอย่างไร หากสถานการณ์มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จะใช้งบประมาณการตลาดไว้เท่าเดิม แต่หากยังไม่คลี่คลายก็ต้องมีการปรับแผนงาน”
ขณะที่ในส่วนของโรงงานแม้ที่ผ่านมายอดขายจะไม่ดีนักแต่บริษัทก็ยังเดินเครื่องการผลิตในระดับปกติที่ 1,500 ตันต่อเดือน เพราะหากลดกำลังการผลิตลงนั้นหมายถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย บริษัทจึงเลือกสต๊อกสินค้าให้มากขึ้นแทนและหันไปบริหารจัดการสินค้าให้เหมาะสมตามแต่ละช่องทางการจำหน่าย โดยไม่มีการปรับลดพนักงาน ไม่มีการลดเงินเดือนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนยอดขายจากช่องทางโมเดิร์นเทรด 10% เทรดดิชันนัลเทรด 90% โดยวางเป้าหมายยอด โดยภาพรวมช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมายอดขายของบริษัทยังเป็นไปตามปกติ แต่จะมีปัญหายอดขายที่ลดลงในช่วงครึ่งเดือนหลังของ มี.ค.-เม.ย. เท่านั้น ซึ่งจากดำเนินแผนงานเชิงรุกในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทก็คาดว่าจะสามารถบาลานซ์ยอดขายให้กลับมาตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ได้
“สิ่งที่น่าเป็นห่วงในครึ่งปีหลัง คือกำลังซื้อภายในประเทศที่ลดลง รายได้ของภาคการเกษตรหรือชาวบ้านทั่วไปที่ลดลง ยังไม่รวมจำนวนผู้ว่างงานอีกจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนว่าสินค้า 90% ของบริษัทวางจำหน่ายในประเทศ ขณะที่อีก 10% จะเป็นยอดขายจากต่างประเทศตามแนวตะเข็บชายแดนเป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบบางส่วนจากมาตรการล็อกดาวน์ของแต่ละประเทศ แต่เป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น”
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,753 วันที่ 10-13 พฤษภาคม 2563