ธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว Tarin Tin วันนี้ (16 พ.ค.) ไขข้อข้องใจที่หลายคนถามไถ่ตลอดมา และเขาพร้อมตอบแล้วว่าหลังจากนี้ชีวิตหากเป็นหนังสือ ก็กำลังเปิดสู่ “บทต่อไป” อะไรคือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นคงต้องรอกันอีกสักนิด เพราะเขาบอกว่า “โปรดติดตาม” # StayTune
ธรินทร์เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ถอดความได้ว่า
“มีหลายคนถามไถ่ผมตลอดมา ก็เลยอยากจะยืนยันว่า (อีโมจิ ยิ้ม) หลังจากที่ทุ่มเทพลังชีวิตให้กับการนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่แกร็บ ประเทศไทย ในช่วงเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา ผมตัดสินใจแล้วที่จะเดินตามความฝันของตัวเองและก้าวเข้าสู่บทต่อไปของชีวิต
ผมขอขอบคุณอย่างจริงใจต่อทุก ๆ คนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมในช่วงเวลากว่าสองปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมงานและพาร์ทเนอร์ชาวไทยที่เชื่อมั่นในการนำของผม ในสนามแข่งขันที่เราสู้กันด้วยหัวใจและไม่เป็นสองรองใคร
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้ 250 ล้านดอลลาร์ ได้รับรางวัลซีอีโออวอร์ด ได้ร่วมเวทีระดับนานาชาติ สร้างธุรกิจที่เป็นผู้นำในตลาด จัดงานเทศกาล EDM ร่วมมือกับทีมงานที่ดีที่สุดในประเทศไทย และร่วมสร้างพันธมิตรมากมายที่ไม่มีวันลืม ผมขอฝากภาพไฮไลท์ความประทับใจจากช่วงเวลา 2 ปีของอาชีพการงานไว้ในอัลบั้มภาพเหล่านี้ หวังว่าวันหนึ่งในอนาคต ผมจะได้เพิ่มเติมภาพความสำเร็จด้วยอีกอัลบั้มหนึ่งจากบทต่อไปในชีวิตของผม
#มุ่งไปข้างหน้า#โปรดติดตาม#2020#การเริ่มต้นใหม่
ทั้งนี้ แกร็บประกาศแต่งตั้งธรินทร์ ธนียวัน ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด (Country Head of Grab Thailand) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา เพื่อดูแลกลยุทธ์ทางธุรกิจและการดำเนินงานทั้งหมดของแกร็บในประเทศไทย รวมทั้งการขยายการเติบโตสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาเข้ามารับตำแหน่งต่อจาก ยี วี แตง ที่ย้ายไปรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของแกร็บในประเทศกัมพูชา
ในช่วงเวลาการบริหารงานของธรินทร์นั้น แกร็บ (ประเทศไทย) ทำรายได้เพิ่มขึ้นมากแบบก้าวกระโดด แต่ก็มียอดขาดทุนเพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด มีทุนจดทะเบียน 2,879,970,000 บาท มีผลการประกอบย้อนหลังดังนี้
ปี 2559 : รายได้รวม 104,131,569 บาท ขาดทุน -516,139,966 บาท
ปี 2560 : รายได้รวม 508,510,201 บาท ขาดทุน -985,334,149 บาท
ปี 2561 : รายได้รวม 1,159,233,358 บาท ขาดทุน -711,561,304บาท
การขาดทุนดังกล่าวเป็นหนทางโดยทั่วไปของบริษัทสตาร์ทอัพเนื่องจากในขณะที่ต้องพยายามแย่งชิงส่วนแบ่งของตลาดนั้น บริษัทต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคคุ้นชินกับพฤติกรรมแบบใหม่เสียก่อน ทำให้ต้องมีการทำโปรโมชั่นมากมาย เช่นส่วนลดค่าแท็กซี่ ส่วนลดค่าสั่งอาหารฯลฯ เพื่อเชิญชวนคนมาใช้บริการ แล้วค่อยปรับกลยุทธ์เน้นทำกำไรต่อไป
ภายใต้การบริหารงานของธรินทร์เขานำมาซึ่งนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในธุรกิจบริการของไทย เดือนมีนาคม 2563 ธรินทร์ให้สัมภาษณ์ "ฐานเศรษฐกิจ" เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแกร็บ (ประเทศไทย) ว่า "วันนี้จะไม่มีแกร็บประเทศไทย ถ้าเราไม่มีทีมงานที่เริ่มจากคนกลุ่มหนึ่ง 25-26 คน แต่วันนี้เรามีทีมงานเป็นร้อย พาร์ตเนอร์จากที่มีหลักพันคน วันนี้มีเป็นแสนคน แต่ละเดือนมีคนสมัครเป็นพาร์ตเนอร์แกร็บเดือนละหมื่นคน ร้านค้า-ร้านอาหารที่ร่วมงานกับเราวันนี้มีหลักแสนราย ภาพที่เห็นของแกร็บวันนี้เปลี่ยนแปลงจาก 2 ปีที่แล้วเป็นอย่างมาก จากผู้ใช้บริการหลักพันหลักแสน วันนี้ยอดการใช้งานแต่ละวันอยู่ที่ครึ่งล้าน จากบริษัทที่ให้บริการส่งคน มาเป็นส่งของ ส่งอาหาร วันนี้เราเปิดบริการที่ทำให้คนระดับรากหญ้าเข้าถึงธุรกรรมการเงิน" ธรินทร์กล่าวบนเวทีรับรางวัล “The Best CEO Award” สาขาบริการ จัดโดยฐานเศรษฐกิจเมื่อต้นปีนี้
ก่อนเข้าร่วมงานกับแกร็บ (ประเทศไทย) ธรินทร์ ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์ธุรกิจและรัฐสัมพันธ์ ที่ลาซาด้า กรุ๊ป และรับผิดชอบดูแลการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างอาลีบาบาและลาซาด้าโดยเฉพาะ ตามกรอบนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ทำให้มีโอกาสทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในหลายโครงการ นอกจากนี้ เขายังเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าโครงการ บริษัท บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป
ธรินทร์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจจากโรงเรียนธุรกิจวอร์ตัน (Wharton School) มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย และปริญญาตรีด้านการบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์