กรมประมงเผยมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนฝั่งทะเล อันดามันประจำปี 2563 ในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 30 มิถุนายน 2563
นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง เผยว่า ได้รับรายงานจากนายสมบุญ ธัญญาผล ประมงจังหวัดกระบี่ว่าชาวประมงพบฝูงลูกปลาทู-ปลาลัง โผล่ห่างจากฝั่งประมาณ 1 กิโลเมตร ในบริเวณพื้นที่อ่าว บ่อม่วง และอ่าวแหลมสัก จังหวัดกระบี่เป็นจำนวนมาก ทางสำนักงานประมงจังหวัดกระบี่จึงได้ประสานงานร่วมกันระหว่างศูนย์ปราบปรามประมงทะเลเขต 3 (กระบี่) และศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงอันดามันตอนบน(ภูเก็ต) นำเรือประมงออกสำรวจทรัพยากรสัตว์น้ำร่วมกับชาวประมงบ้านบ่อม่วง
จากการสำรวจพบว่าฝูงปลาดังกล่าวเป็นลูกปลาทู-ปลาลัง เป็นปลาเศรษฐกิจขนาดประมาณ 4-6 ซม. โดยคาดว่าอีกประมาณ1-2 เดือน ฝูงลูกปลาดังกล่าวจะโตเต็มวัย สอดคล้องกับข้อมูลทางวิชาการของกรมประมงทั้งด้านความสมบูรณ์เพศและความชุกชุมของลูกปลาวัยอ่อนที่พบว่าในแต่ละปีจะมีความแตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม จึงคาดการณ์ว่าฝูงลูกปลาดังกล่าวอาจจะเป็นปลาที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
เนื่องจากปีนี้มีฤดูร้อนที่ยาวนานมาจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ทำให้พ่อแม่พันธุ์ปลาบางส่วนเพิ่งเคลื่อนตัวไปยังแหล่งวางไข่ในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนฝั่งทะเลอันดามันในระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน ของทุกปีครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 5,000 ตารางกิโลเมตรในพื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ตั้งแต่ปลายแหลมพันวา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ถึงปลายแหลมหยงสตาร์ อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง
อธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับในปี 2563 นับเป็นเรื่องดีที่เราได้เห็นผลของการฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างชัดเจน อันจะเห็นได้จากหลังการประกาศปิดเอาอันดามันเพียง 2 เดือนกรมประมงก็ได้รับรายงานว่าพบฝูงลูกปลาทูโผล่ขึ้นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของท้องทะเลฝั่งอันดามันและทะเลกระบี่ได้เป็นอย่างดีและมีแนวโน้มที่ทะเลอันดามันจะมีความสมบูรณ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ให้ความสำคัญกับมาตรการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ โดยมุ่งเน้นให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติหน้าที่ไปพร้อมกับชาวประมงเพื่อให้เห็นผลในเชิงประจักษ์และเป็นที่ยอมรับจากชาวประมงอย่างแท้จริง และสุดท้ายต้องขอบคุณพี่น้องชาวประมงทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับทางกรมประมงในการปฏิบัติตามกฎหมายส่งผลให้ปัจจุบันทรัพยากรสัตว์น้ำในท้องทะเลค่อยๆ ฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น