นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีมอบใบรับรองให้กับเกษตรกรที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชอาหาร (มกษ.9001-2556) แก่เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ ณ ศูนย์เรียนรู้กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ทุเรียนท่ากุ่ม-เนินทราย ตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดตราด ว่า การดำเนินโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่เป็นนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ โดยให้เกษตรกรรวมกลุ่มกัน เป้าหมายลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต โดยมีคณะกรรมการเครือข่ายแปลงใหญ่ร่วมกับภาครัฐขับเคลื่อนการพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรแบบแปลงใหญ่ตามยุทธศาสตร์ 20 ปี ของกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องการพัฒนาเกษตรกรให้มีการบริหารจัดการร่วมกัน
ทั้งนี้สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้ดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ภาคตะวันออกให้ได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) สำหรับพืชอาหาร (มกษ.9001-2556) ปี 2563 เพื่อพัฒนาให้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนจังหวัดตราด มีความรู้ความเข้าใจในหลักการปลูกทุเรียนให้ได้ตามมาตรฐาน GAP สามารถผลิตทุเรียนได้มีคุณภาพ มีความปลอดภัย ตรงตามความต้องการของตลาด และผู้บริโภค รวมถึงสามารถขายผลผลิตทุเรียนผ่านระบบตลาดสินค้าเกษตรออนไลน์ DGTFarm.com ห้างโมเดิร์นเทรด และโรงงานผลิตทุเรียนแช่เยือกแข็งเพื่อการส่งออกตามมาตรฐานบังคับ เรื่อง การปฏิบัติที่ดีสำหรับการผลิตทุเรียนแช่เยือกแข็ง (มกษ. 9046-2560)
สำหรับผลการดำเนินโครงการเกษตรแปลงใหญ่ทุเรียนจังหวัดตราด ปี 2562 มีเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP จำนวน 38 ราย พื้นที่ 591 ไร่ ปริมาณผลผลิตทุเรียน 1,236 ตัน มูลค่าผลผลิต 148 ล้านบาท เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนต้นแบบที่ใช้ระบบตามสอบสินค้าเกษตรและอาหาร (QR Trace) แสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน (เครื่องหมาย Q) จำนวน 10 ราย และสนใจจำหน่ายผลผลิตทุเรียนผ่านระบบตลาดสินค้าเกษตรออนไลน์ DGTFarm.com จำนวน 2 ราย
นายประภัตร กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มแปลงใหญ่ทุเรียนท่ากุ่ม-เนินทราย ตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ได้เข้าร่วมโครงการฯ โดยมีเกษตรกรสมาชิกได้รับการรับรองตามมาตรฐาน GAP จากกรมวิชาการเกษตร จำนวน 38 ราย รวมถึงสร้างเกษตรกรต้นแบบในพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตทุเรียน และสนับสนุนการแสดงเครื่องหมาย Q การสร้างเอกลักษณ์และเรื่องราว (Story) ของทุเรียนกลุ่มแปลงใหญ่ทุเรียนท่ากุ่ม-เนินทราย พร้อมนำร่องการใช้ QR Trace เพื่อแสดงถึงการผลิตทุเรียนที่ได้มาตรฐานและสามารถตามสอบแหล่งที่มาได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค สร้างความแตกต่างของสินค้า เพิ่มช่องทางการตลาด โดยมีการเชื่อมโยงตลาดสู่ห้างโมเดิร์นเทรด และโรงงานผลิตทุเรียนแช่เยือกแข็งเพื่อการส่งออกตามมาตรฐานบังคับ เรื่อง การปฏิบัติที่ดีสำหรับการผลิตทุเรียนแช่เยือกแข็ง และขยายทางเลือกในการจำหน่ายผลผลิตทุเรียนผ่านระบบตลาดสินค้าเกษตรออนไลน์ DGTFarm.com
“รัฐบาลนำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง ครม.จึงเห็นชอบอนุมัติวงเงิน 50,000 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกษตรกรได้มีอาชีพใหม่ที่สร้างรายได้ที่มั่นคง ทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ ให้สามารถจำหน่ายทั้งภายในและต่างประเทศ โดยมีตลาดรองรับ โดยมีอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อไม่เกินกลุ่มละ 10 ล้านบาท หรือดอกเบี้ยล้านละ 100 บาท/ปี ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 62 - 30 พ.ย. 65” นายประภัตร กล่าว
ด้าน ดร.จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ เลขาธิการ มกอช. กล่าวว่า ในปี 2563 มกอช. ได้ดำเนินโครงการโครงการเกษตรแปลงใหญ่ทุเรียนจังหวัดตราด โดยขยายพื้นที่ออกเป็นจำนวน 4 ตำบล 2 อำเภอ ประกอบด้วย กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ทุเรียนตำบลชำราก ตำบลวังกระแจะ ตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมืองตราด และตำบลคลองใหญ่ อำเภอแหลมงอบ มีเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนเข้าร่วมโครงการฯ 120 ราย พื้นที่ 1,295 ไร่ ปริมาณผลผลิต 2,700 ตัน มูลค่าผลผลิต 324 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินโครงการในปี 2563 มีเกษตรกรได้รับการรับรอง GAP จำนวน 120 ราย แบ่งเป็น ทุเรียน 110 ราย มังคุด 9 ราย และเงาะ 1 ราย นอกจากนี้ มกอช. ได้สนับสนุนนำร่องการแสดงเครื่องหมาย Q จำนวน 100 ราย และเกษตรกรสนใจใช้ระบบ QR Trace รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบตลาดสินค้าเกษตรออนไลน์ DGTFarm.com เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายในยุค COVID-19 อีกด้วย