นายเดชา นุตาลัย อุปนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่าน คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ได้มีการดีเบตเรื่อง CPTPP ในประเด็นเรื่องข้าว ทั้งนี้คณะอนุกรรมาธิการเมล็ดพันธุ์และการเกษตรได้มีมติปลดสินค้าข้าวออกจาก CPTPP โดยหากรัฐบาลไทยอยากจะเข้าร่วมเจาจา CPTPP สินค้าตัวนี้จะต้องขอยกเว้นไม่เข้าร่วมความตกลง ส่วนสินค้าอื่นไม่ทราบ ตนมาสู้เรื่องข้าว เมื่อถูกถอดออกก็ถือว่าจบหน้าที่แล้ว
“ล่าสุดไทยได้มีคำถามไปยัง UPOV ว่าหากไทยเข้าร่วมเจรจา CPTPP โดยขอยกเว้นหรือไม่นำสินค้า “ข้าว” เข้าอยู่ในความตกลง CPTPP จะได้หรือไม่(ความตกลง CPTPP บังคับให้ประเทศสมาชิกต้องเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาความตกลงการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ หรือ UPOV 1991) เขาตอบกลับมาว่า "ไม่ได้" ผมว่าแปลก แสดงว่ามีพิรุธแล้ว ไม่ชอบมาพากลแล้ว มีจุดมุ่งหมายหรือวาระซ่อนเร้นหรือไม่ ดังนั้นชาวนาจะต้องระมัดระวังให้หนักกว่าเดิม ขณะที่ฝ่ายข้าราชการ โดยกรมวิชาการเกษตร ดันสุดลิ่ม อ้างดีอย่างโน้นอย่างนี้ ผมว่าเอาเวลาตรงนี้ไปแก้ปัญหาข้าวดีดข้าวเด้งให้ได้เสียก่อน”
นายเดชา กล่าวว่า ถ้านักวิจัยของต่างชาติอยากวิจัยมาก เก่งจริงก็ให้ซื้อพันธุ์ข้าวไปเลย ทำไมตนจะไม่ทราบว่าชาวนาสามารถเก็บพันธุ์ได้ ยกตัวอย่าง ทำนา 30 ไร่ ซื้อพันธุ์ข้าวลิขสิทธิ์มาปลูก รอบแรกขายได้ปกติ แต่ถ้าชาวนาเก็บพันธุ์ไว้ปลูกในรอบ 2 แต่ขายไม่ได้ ถามว่าเมื่อปลูก 30 ไร่ จะกินหมดหรือไม่ ใครเสียเปรียบ
“อีกกรณีที่เป็นห่วง ยกตัวอย่างพ่อแม่พันธุ์ข้าวเป็นไทย ส่วนนักวิจัยเป็นสิงคโปร์ มาวิจัย แล้วถ้าวิจัยได้ ต้องไปเป็นของสิงคโปร์ ใช่หรือไม่ ทั้งที่เป็นสายพันธุ์ในประเทศ ซึ่งเราไม่ยอมเด็ดขาด”
ที่สำคัญจะทำชาวนามีสิทธิ์ติดคุก กรณีเมื่อพันธุ์วิจัย ที่ได้รับรองแล้ว เมื่อลงปลูกที่แปลง จะเห็นว่าคันนาในประเทศไทย หัวคันนาชนกัน ปลูกข้าวพร้อมกัน เรณูเกสรข้าวพันธุ์รับรอง เกิดปลิวมาตามลมผสมพันธุ์กัน เกิดพันธุ์ใหม่ขึ้นมาหรือยีนส์ที่ตรงกันขึ้นมาเวลานำไปขายตามพันธุ์ ตรวจพันธุ์ก็จะตรวจตามจากโรงสีว่าซื้อพันธุ์นี้จากชาวนาคนไหน กลายเป็นว่าขาของชาวนาขาหนึ่งเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว ดังนั้นสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ไม่ยอมเด็ดขาดที่จะให้เข้าร่วม CPTPP