นางสาวปัทมาวดี บุญโญภาส รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันนี้ (วันอังคารที่ 1 กันยายน 2563) กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่บ้านคลองคต หมู่ 2. ต.หลักแก้ว อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เพื่อส่งเสริมและสร้างแรงบันดาลใจให้เกษตรกรในพื้นที่หันมาปลูกไม้ยืนต้นที่มีค่าบนที่ดินของตนเองมากขึ้น พร้อมกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งการปลูกไม้ยืนต้นนำมาซึ่งประโยชน์หลายด้าน เช่น เป็นการเพิ่มมูลค่าต้นไม้ เพิ่มแหล่งออกซิเจนให้พื้นที่ป่าและประเทศ เป็นการออมและสร้างรายได้ในอนาคต เป็นมรดกให้ลูกหลาน และสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินภายใต้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ
“การลงพื้นที่ฯ ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 4 ต่อจาก จ.สุพรรณบุรี อุทัยธานี และพิษณุโลก โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับตัวแทนเกษตรกรและผู้นำชุมชนเกี่ยวกับการปลูกไม้ยืนต้นที่มีค่าบนที่ดินของตนเอง และรายละเอียดการนำไม้ยืนต้นนั้นมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ รวมทั้ง ได้มีการสาธิตการตรวจวัดและประเมินมูลค่าไม้ยืนต้นของเกษตรกรในพื้นที่ตามหลักมาตรฐานสากล และในโอกาสนี้ ได้มอบวุฒิบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรมการตรวจวัดและประเมินมูลค่าต้นไม้ จำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นเกษตรกรในพื้นที่และเป็นสมาชิกโครงการธนาคารต้นไม้ของ ธ.ก.ส. ทั้งนี้ การมีคนในพื้นที่สามารถตรวจวัดและประเมินมูลค่าต้นไม้ได้ตามหลักวิชาการ จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเองมากขึ้น เนื่องจากมีที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำถึงประเภทต้นไม้ และประโยชน์ที่จะได้รับจากการปลูกไม้ยืนต้น”
ด้านนายอดิเรก วงษ์คงคำ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาชนบท ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ประโยชน์ของการปลูกไม้ยืนต้นอีกอย่างหนึ่งคือการเพิ่ม คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ที่อาศัยผืนป่าเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนขนาดใหญ่ เนื่องจากปัจจุบันทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย เช่น อุณหภูมิโลกสูงขึ้น น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว น้ำท่วม ดินถล่ม แห้งแล้ง และมลพิษทางอากาศ เป็นต้น ดังนั้น ธ.ก.ส. และ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงต้องการส่งเสริมและผลักดันให้เกษตรกรและประชาชนปลูกไม้ยืนต้นเพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่ป่า และให้เป็นแหล่ง ‘คาร์บอนเครดิต’ ของโลกเพื่อการซื้อขายในอนาคต โดย คาร์บอนเครดิต เป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่สามารถตีราคาเป็นเงินและสามารถซื้อขายกันได้ในตลาดเฉพาะที่เรียกว่า ‘ตลาดคาร์บอน’ โดยในอนาคตคาดว่าจะเป็นสินค้าที่มีความสำคัญและมีการซื้อขายกันมากยิ่งขึ้น เพื่อทดแทนการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอนไดออกไซต์) ที่ส่วนใหญ่เกิดจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมหรือจากการคมนาคม
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2563) มีผู้ขอนำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 109,007 ต้น มูลค่ารวม 132,014,509บาท