ห้างเซ็นทรัล ปรับกลยุทธ์สู้โควิด สั่ง-ส่งถึงเตียงผู้ป่วย
ห้างเซ็นทรัล ปรับโมเดลธุรกิจรับนิว นอร์มอล เปิดบริการ ‘Central at Bumrungrad’ สั่ง-ส่งฟรีถึงเตียงผู้ป่วยใน 24 ชม.
นายปิยะพงษ์ ธัญญศรีสังข์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายบริหาร บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล กล่าวบนเวทีเสวนาหัวข้อ “กรณีศึกษาโควิด-19 กับศักยภาพธุรกิจภาคบริการของประเทศไทยสู่อนาคตโลก” ว่า ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ห้างเซ็นทรัลยังจับมือกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดบริการ ‘Central at Bumrungrad’ ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านบริการ ‘Chat & Shop’ และ ‘Call & Shop’ ตอบโจทย์ผู้มาพักโรงพยาบาลที่มองหาของใช้ส่วนตัวหรือของเยี่ยมผู้ป่วย พร้อมส่งฟรีถึงโรงพยาบาลทุกออเดอร์ไม่มีขั้นต่ำ และจัดส่งภายในวันเดียวกันเมื่อยืนยันออเดอร์ก่อนเวลา 18.00 น. เสมือนยกห้างเซ็นทรัลมาไว้ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ห้างเซ็นทรัลปรับใช้เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน และก้าวเข้าสู่ New Normal โดยการปรับกลยุทธ์ครั้งนี้เกิดขึ้นทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงการให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยของลูกค้า พนักงาน รวมถึงพนักงานในร้านค้า เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการมาใช้บริการหรือปฏิบัติงานที่ห้างเซ็นทรัล
มีการนำเทคโนโลยีการอบโอโซน และ UVC มาใช้ในการฆ่าเชื้อโรคบนธนบัตร มีมาตรการ Social Distancing จำกัดจำนวนคนเข้าห้าง และจัดระยะห่าง รวมถึงมาตรการด้าน Tracking เพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพของพนักงาน และลูกค้าที่มาใช้บริการในห้างเซ็นทรัล ในด้านเทคโนโลยี ได้มีการปรับปรุงพัฒนาระบบต่างๆ เพื่อนำมาให้บริการลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีทุกช่องทาง
นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออมนิแชนเนล ได้แก่ ช้อปผ่านเว็บไซต์ www.central.co.th ตลอด 24 ชั่วโมง, บริการ ‘Central Chat & Shop’ ช้อปผ่านไลน์ @centralofficial, บริการ ‘Central Call & Shop’ เป็นต้น การให้บริการ Drive Thru สามารถเลือกรับสินค้าและชำระเงินที่ห้างได้โดยไม่ต้องลงมาจากรถยนต์
“เซ็นทรัลปรับใน 2 ส่วน คือ มาตรการเข้มงวดทำให้ห้างมีความปลอดภัย ไม่ว่าจะตรวจวัดอุณหภูมิ พนักงาน หากมีการสัมผัสสินค้า จะต้องนำไปทำความสะอาดฆ่าเชื้อ เพื่อให้มั่นใจ และ ปรับ business model ทำอย่างไรให้เกิดการใช้จ่าย ทำให้คนไทยไม่กลัว ทำให้เศรษฐกิจเดินได้ เพราะด้านการท่องเที่ยวไม่มีความแน่ใจว่าจะเปิดได้เหมือนเดิมเมื่อไร ดังนั้นถึงจุดที่ภาครัฐ ผู้ประกอบการต้องร่วมมือกัน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับทั่วโลก ในสถานการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงมากที่สุด”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง