นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต, และเซ็นทรัล วิลเลจ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากที่เซ็นทรัล วิลเลจเปิดให้บริการครบ 1 ปีในวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมาถือว่าได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดีเยี่ยม ทราฟฟิกเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ตั้งแต่เปิดตัวเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวจีน และ CLMV เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังพบว่าเซ็นทรัล วิลเลจ ยังมีลูกค้าขาประจำและกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อโดยรอบมาใช้บริการผ่าน Drive-thru pick-up ที่ช่วยสร้างยอดขายให้ร้านค้ากลุ่ม luxury fashion และ cosmetics ได้เป็นอย่างดี โดยกว่า 60% ของกลุ่มลูกค้าคือคนที่อยู่ในรัศมี 15 กม. และมีกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้ออาศัยอยู่ในหมู่บ้านระดับกลางและไฮเอนด์ ในเขตบางนา และประเวศเป็นจำนวนมาก รวมไปถึง การที่มี Tops Market เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนโดยรอบ ซึ่งช่วยชดเชยยอดทราฟฟิกในช่วงโควิดที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง เนื่องจากการจำกัดเที่ยวบินเข้าจากต่างประเทศ
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวไทย 70% ต่างชาติ 30% ซึ่งในช่วงโควิดส่งผลให้ภาพรวมของทั้งประเทศมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง บริษัทจึงเปิดตัวแพลทฟอร์ม Chat & Shop ผ่านช่องทาง Facebook : Central Village ซึ่งเป็นครั้งแรกของเอาท์เล็ตในประเทศไทยในการสร้างประสบการณ์ Online Shopping Platform ที่ทำให้ไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนใดของประเทศไทยก็สามารถช็อปปิ้งออนไลน์ได้ตลอด เป็นการดึงทาร์เก็ตกลุ่มคนต่างจังหวัด ที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ และคนใน Catchment Area ที่กว้างขึ้นได้ ก็สามารถช็อปได้ เพิ่มยอดขายจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเพื่อชดเชยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงได้
คีย์ซัคเซสที่ทำให้ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ประสบความสำเร็จคือการชูแบรนด์ยอดนิยมของคนไทยกับแบรนด์เนมของจริงในราคาเอาท์เล็ตที่เอื้อมถึง โดยมีแบรนด์สินค้ากว่า 22 แบรนด์ใน 130 ร้านค้า อาทิ ADIDAS, COACH, KATE SPADE, KENZO, MARIMEKKO, MICHAEL KORS, OUTLET BY CLUB21, SALVATORE FERRAGAMO เป็นต้น และอีกกว่า 67 แบรนด์ที่เปิด Exclusive Outlet Store เฉพาะเซ็นทรัล วิลเลจ ด้วยส่วนลดที่คุ้มค่า ลดจริงทุกวันตลอดทั้งปีเฉลี่ย 35-90% ทำให้ลูกค้าที่มาช็อปปิ้งสามารถเลือกซื้อสินค้ากลับไปได้
ล่าสุดบริษัทจัดแคมเปญ Central Village 1st Anniversary ฉลองครบรอบ 1 ปีเซ็นทรัล วิลเลจ โดยตลอดทั้งเดือนกันยายนนี้มีโปรโมชันลดสูงสุด 90% พร้อมส่วนลด on-top เพิ่มสูงสุด 40% แจก Cash Voucher สูงสุด 2,000 บาท เป็นต้น โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 20% โดยยอดขายของแบรนด์ที่ติดอันดับท็อป ได้แก่ COACH, FITFLOP, POLO RALPH LAUREN, SALVATORE FERRAGAMO, BATH & BODY WORKS, VICTORIA’S SECRET
สำหรับแผนการตลาดของเซ็นทรัล วิลเลจนับจากนี้คือ การผนึกกำลังกับบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย หนึ่งในบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บิ๊กอสังหาฯ ระดับโลก ที่มีบริษัทในเครือเป็นผู้พัฒนาเอาท์เล็ตที่มีสาขากว่า 9 แห่งทั่วญี่ปุ่น อาทิ โกเทมบะ ริงกุ ชิซุย ช่วยต่อยอดความสำเร็จของเซ็นทรัล วิลเลจให้สู่การเป็น World-class outlet with Thai-Japanese hospitality เทียบชั้นเอาท์เล็ตระดับโลก โดยทั้ง 2 บริษัทมีความเข้าใจในตลาดของชาวเอเชียเช่นเดียวกัน และมีแนวทางในการทำธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน โดยคาดว่าจะมีการสร้างแม็กเน็ตหรือ attraction ใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นมาเอาใจนักช็อปไทยและนักท่องเที่ยวเมื่อสถานการณ์กลับมาดีขึ้น
“เป้าหมายของเซ็นทรัล วิลเลจคือ การสร้างให้ไทยเป็น Global Destination ที่ครบในทุกมิติ เนื่องจากการท่องเที่ยวไทยในช่วงก่อนโควิดถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของเอเชีย เราจึงมุ่งมั่นและไม่หยุดพัฒนาเพื่อนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และพร้อมที่จะต้อนรับนักช็อปให้สมกับที่เป็น Thailand’s First International Luxury Outlet ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย”
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,608 วันที่ 10 - 12 กันยายน พ.ศ. 2563
ข่าวที่เกี่ยวข้อง