ศึกทีวีดิจิทัล “ละคร-ข่าว” ฟาดฟันหนัก ช่วงไพรม์ไทม์ (1)             

23 ก.ย. 2563 | 10:49 น.

ทีวีดิจิทัลปี 2020 เมื่อเรตติ้ง "ข่าว" พุ่งเหนือ "ละคร" ช่วงไพร์มไทม์

เป็นเวลากว่า 6 ปีแล้วที่คนไทยได้รับชมทีวีดิจิทัล ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของระบบโทรทัศน์ในประเทศไทย ที่ได้สร้างทางเลือกให้กับผู้ชมในประเทศมากขึ้น เริ่มแรกนั้น ทีวีดิจิทัลในประเทศไทยมีเพียง 2 ช่องหลัก แต่ปัจจุบันผู้ชมสามารถเลือกชมทีวีดิจิทัลได้ถึง 15 ช่อง ส่วนเนื้อหาก็มีความแตกต่างตามจุดแข็งที่แต่ละช่องได้วางไว้ บางช่องเลือกที่จะเน้นหนักไปที่รายการประเภทข่าว บางช่องให้เวลาออกอากาศแก่รายการบันเทิง เช่น ละคร วาไรตี้ และภาพยนตร์มากที่สุด

 

ส่งผลให้ภาพรวมการบริโภคเนื้อหารายการทีวีดิจิทัลกระจายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะรายการประเภทข่าว เห็นได้ชัดว่าผู้ชมให้ความสนใจและติดตามรายการประเภทนี้มากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยจุดพีคนั้นเริ่มตั้งแต่ข่าว “หวย 30 ล้าน” (ปี 2017), “13 หมูป่าติดถ้ำหลวง” (ปี 2018), “COVID-19” (ตั้งแต่ปลายปี 2019) มาถึงข่าว “น้องชมพู่” ในปัจจุบัน

 

จำนวนผู้ชมทีวีดิจิทัลของแต่ละช่องเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 รายการประเภทละครของช่อง 7 เป็นรายการที่มีกลุ่มคนดูเยอะที่สุดในประเทศ ตามด้วยรายการประเภทละครช่อง 3 และรายการวาไรตี้จาก Workpoint TV ตามลำดับ ในขณะที่กลุ่มคนดูช่องข่าวของทีวีดิจิทัลทั้งหมดคิดเป็นร้อยละ 12.5-25 ของกลุ่มคนดูทั้งหมดของช่อง 7 เท่านั้น กลับมาดูภาพปี 2020 นี้ จะเห็นได้ว่า กลุ่มผู้ชมทีวีดิจิทัลส่วนใหญ่กระจายไปที่ช่องข่าวทีวีดิจิทัลอื่น ๆ มากขึ้น

 

จากการสำรวจพบว่าผู้ชมหันมาสนใจเนื้อหาประเภทรายการข่าวมากขึ้น ส่งผลให้ช่อง Amarin TV และ Thairath ที่นำเสนอข่าวในรูปแบบที่เน้นเนื้อหาข่าวเจาะลึก รู้ลึก รู้จริง และลงพื้นที่จริง สามารถแย่งผู้ชมในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คาดว่ามีผู้ชมมากที่สุด และเป็นช่วงเวลาที่สถานีโทรทัศน์ทำรายได้จากค่าโฆษณามากที่สุด ขึ้นมาเป็นช่องที่มีผู้ชมเยอะที่สุดเป็นอันดับ 2 และ 3 ในช่วงเวลาดังกล่าวตามลำดับ

ศึกทีวีดิจิทัล “ละคร-ข่าว” ฟาดฟันหนัก ช่วงไพรม์ไทม์ (1)             

กราฟแสดงจำนวนผู้ชมช่องทีวีดิจิทัล ช่วงวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) และวันหยุดสุดสัปดาห์ (เสาร์-อาทิตย์) ทั้งประเทศ

                เปรียบเทียบเดือนสิงหาคม ปี 2017 และเดือนสิงหาคม ปี 2020

 

กระแสการชมรายการข่าวที่เพิ่มขึ้นนี้ ยิ่งเห็นได้ชัดในกลุ่มประชากรที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ต่างๆ โดยจำนวนผู้ชมช่อง Amarin TV สูงว่าช่อง 3 หรือ ช่อง 7 ในช่วงเวลา 20.00-22.00 (ช่วงไพรม์ไทม์ ของคนกรุงเทพฯ และหัวเมือง) อย่างไรก็ตามผู้ชมกลุ่มนี้อีกส่วนหนึ่งยังคงดูรายการประเภทละครเป็นหลัก และยังคงเลือกชมเนื้อหารายการบางประเภทที่ตัวเองสนใจ หากมีละครที่เป็นกระแส เช่น “บุพเพสันนิวาส” เชื่อว่าจะสามารถดึงกลุ่มคนดูกลับไปที่ละครเช่นเดิม

                                            (อ่านต่อฉบับหน้า)

 

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,612 วันที่ 24 -26 กันยายน พ.ศ. 2563

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

3 โซลูชั่น สำหรับโฆษณามิติใหม่ หลังยุค COVID-19 (จบ)

3 โซลูชั่น สำหรับโฆษณามิติใหม่ หลังยุค COVID-19 (1)