วันนี้(5 ต.ค.63) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ กฎกระทรวง กําหนดมาตรฐานการตรวจสุขภาพลูกจ้างซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง พ.ศ. ๒๕๖๓
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน พ.ศ. ๒๕๕๔ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง และส่งผลการตรวจแก่พนักงานตรวจแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๗
ข้อ ๒ ในกฎกระทรวงนี้
“การตรวจสุขภาพ” หมายความว่า การตรวจร่างกายและสภาวะทางจิตใจตามวิธีทางการแพทย์ เพื่อให้ทราบถึงความเหมาะสมของสภาวะสุขภาพของลูกจ้าง หรือผลกระทบต่อสุขภาพของลูกจ้าง อันอาจเกิดจากการทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง
* งานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง” หมายความว่า งานที่ลูกจ้างทําเกี่ยวกับ
(๑) สารเคมีอันตรายตามที่อธิบดีประกาศกําหนด
(๒) จุลชีวันเป็นพิษที่อาจเป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รา หรือสารชีวภาพอื่น
(๓) กัมมันตภาพรังสี
(๔) ความร้อน ความเย็น ความสั่นสะเทือน ความกดดันบรรยากาศ แสง หรือเสียง
(๕) สภาพแวดล้อมอื่นที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูกจ้าง เช่น ฝุ่นฝ้าย ฝุ่นไม้ ไอควันจากการเผาไหม้
“แพทย์” หมายความว่า ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม
ข้อ ๓ ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้างซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง ตามระยะเวลา ดังต่อไปนี้
(๑) การตรวจสุขภาพลูกจ้างครั้งแรกให้เสร็จสิ้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่รับลูกจ้าง เข้าทํางาน และจัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้างครั้งต่อไปอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
(๒) ในกรณีที่ลักษณะหรือสภาพของงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงที่มีความจําเป็นต้องตรวจสุขภาพ ตามระยะเวลาอื่นตามผลการตรวจสุขภาพ ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้างตามระยะเวลานั้น
(๓) ในกรณีที่นายจ้างเปลี่ยนงานที่มีปัจจัยเสี่ยงของลูกจ้างแตกต่างไปจากเดิม ให้นายจ้าง จัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้างทุกครั้งให้เสร็จสิ้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่เปลี่ยนงาน
การตรวจสุขภาพตามวรรคหนึ่ง ให้กระทําโดยแพทย์ซึ่งได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติ สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงอาชีวเวชศาสตร์ หรือผ่านการอบรมด้านอาชีวเวชศาสตร์ ตามหลักสูตร ที่กระทรวงสาธารณสุขรับรอง
ข้อ ๔ ในกรณีที่ลูกจ้างซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงหยุดงานตั้งแต่สามวันทํางานติดต่อกัน ขึ้นไป เนื่องจากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยไม่ว่ากรณีใด ๆ ก่อนให้ลูกจ้างกลับเข้าทํางาน ให้นายจ้าง ขอความเห็นจากแพทย์ผู้รักษาหรือแพทย์ประจําสถานประกอบกิจการ หรือจัดให้มีการตรวจสุขภาพ ลูกจ้างโดยแพทย์ซึ่งได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงอาชีวเวชศาสตร์ หรือผ่านการอบรมด้านอาชีวเวชศาสตร์ตามหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุขรับรอง
ข้อ ๕ การตรวจสุขภาพลูกจ้างซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงตามข้อ ๓ และข้อ ๔ ให้แพทย์ผู้ตรวจบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับผลการตรวจสุขภาพ โดยให้ระบุความเห็นที่บ่งบอกถึง สภาวะสุขภาพของลูกจ้างที่มีผลกระทบหรือเป็นอุปสรรคต่อการทํางานหรือลักษณะงานที่ได้รับมอบหมาย ของลูกจ้าง พร้อมทั้งลงลายมือชื่อและวันที่ตรวจหรือให้ความเห็นนั้นด้วย
บันทึกผลการตรวจสุขภาพตามวรรคหนึ่ง แพทย์ผู้ตรวจจะจัดทําในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้
ข้อ 5 ให้นายจ้างจัดให้มีสมุดสุขภาพประจําตัวของลูกจ้างซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง ตามแบบที่อธิบดีประกาศกําหนด และให้นายจ้างบันทึกผลการตรวจสุขภาพลูกจ้างในสมุดสุขภาพประจําตัว ของลูกจ้างตามผลการตรวจของแพทย์ทุกครั้งที่มีการตรวจสุขภาพ
สมุดสุขภาพตามวรรคหนึ่ง นายจ้างจะจัดทําในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้
ข้อ ๗ ให้นายจ้างเก็บบันทึกผลการตรวจสุขภาพลูกจ้างซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงตามข้อ ๕ รวมทั้งข้อมูลสุขภาพอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้ตลอดเวลา โดยให้เก็บไว้ ณ สถานประกอบกิจการของนายจ้างไม่น้อยกว่าสองปีนับแต่วันสิ้นสุดของการจ้าง แต่ละราย เว้นแต่ผลการตรวจสุขภาพลูกจ้างซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงที่อาจทําให้เกิดโรคมะเร็ง จากการทํางานตามประกาศกระทรวงแรงงานว่าด้วยการกําหนดชนิดของโรคที่เกิดขึ้นตามลักษณะหรือ สภาพของงานหรือเนื่องจากการทํางานให้เก็บไว้ไม่น้อยกว่าสิบปีนับแต่วันสิ้นสุดของการจ้างแต่ละราย
ข้อ 8 ให้นายจ้างแจ้งผลการตรวจสุขภาพให้แก่ลูกจ้างซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงทราบ ภายในระยะเวลา ดังต่อไปนี้
(๑) กรณีผลการตรวจสุขภาพผิดปกติ ให้แจ้งแก่ลูกจ้างผู้นั้นภายในสามวันนับแต่วันที่ทราบผล การตรวจ
(๒) กรณีผลการตรวจสุขภาพปกติ ให้แจ้งแก่ลูกจ้างผู้นั้นภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ทราบผล การตรวจ
ข้อ 9 ในกรณีที่พบผลการตรวจสุขภาพลูกจ้างซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงผิดปกติ หรือลูกจ้างนั้นมีอาการหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทํางาน ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างดังกล่าวได้รับ การรักษาพยาบาลทันทีและให้ตรวจสอบหาสาเหตุความผิดปกติเพื่อประโยชน์ในการป้องกัน
ให้นายจ้างส่งผลการตรวจสุขภาพลูกจ้างที่ผิดปกติหรือที่มีอาการหรือเจ็บป่วยเนื่องจาก การทํางาน การให้การรักษาพยาบาล และการป้องกันแก้ไขต่อพนักงานตรวจความปลอดภัย ตามแบบ และวิธีการที่อธิบดีประกาศกําหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบความผิดปกติหรือการเจ็บป่วย ของลูกจ้าง
ข้อ ๑๐ ในกรณีลูกจ้างซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงผู้ใดมีหลักฐานทางการแพทย์ จากสถานพยาบาลของราชการหรือที่หน่วยงานของรัฐจัดตั้งขึ้น แสดงว่าไม่อาจทํางานในหน้าที่เดิมได้ ให้นายจ้างเปลี่ยนงานให้ลูกจ้างผู้นั้นตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ ต้องคํานึงถึงสุขภาพและความปลอดภัย ของลูกจ้างเป็นสําคัญ
ข้อ ๑๑ ให้นายจ้างมอบสมุดสุขภาพประจําตัวให้แก่ลูกจ้างซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง เมื่อสิ้นสุดการจ้าง
ข้อ ๑๒ การดําเนินการของนายจ้างตามกฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพ ของลูกจ้างและส่งผลการตรวจแก่พนักงานตรวจแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๗ อยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นการดําเนินการตามกฎกระทรวงนี้ และการดําเนินการต่อไปให้เป็นไป ตามกฎกระทรวงนี้
ข้อ ๑๓ ภายในสามปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง ซึ่งผ่านการอบรมด้านอาชีวเวชศาสตร์ ผ่านการอบรมด้านอาชีวเวชศาสตร์ตามหลักสูตรที่กระทรวง สาธารณสุขรับรองตามกฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างและส่งผล การตรวจแก่พนักงานตรวจแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นแพทย์ซึ่งสามารถตรวจสุขภาพของลูกจ้าง ซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงตามกฏกระทรวงนี้
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓
สุชาติ ชมกลิ่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
+++++
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน พ.ศ. ๒๕๕๔ บัญญัติให้ นายจ้างบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กําหนดในกฎกระทรวง และเพื่อให้ลูกจ้างซึ่งทํางานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงมีความปลอดภัย ในการทํางาน สมควรกําหนดหลักเกณฑ์การตรวจสุขภาพของลูกจ้างดังกล่าว จึงจําเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ฃ