นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดีกรมการค้าภายใน(คน.) รักษาการอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าเทศกาลกินเจ ณ ตลาดบางใหญ่ จ.นนทบุรี ว่า กรมได้ร่วมกับตลาดสดบางใหญ่ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ได้นำผักปลอดสารพิษที่ปลูกเองจำหน่ายราคาประมาณถุงละ 10 บาท ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนและจากสถานการณ์ฝนตกชุกในช่วงที่ผ่านมาจากการตรวจสอบก็พบว่ายังมีปริมาณผักเข้ามาจำหน่ายในตลาดอย่างต่อเนื่อง และกรมก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเชื่อมโยงผักจากเกษตรกรกลุ่มต่าง ๆ เข้ามาจำหน่ายในตลาดสดเพื่อป้องกันขาดแคลนและราคาปรับตัวขึ้น
ส่วนอาหารเจสำเร็จรูปจากการสำรวจก็พบว่ายังมีเมนูราคา 20-25 บาทจำหน่ายทั้งน้ำพริก ปลาเค็ม เต้าหู้เจ ซึ่งอาหารเจหลักๆก็ราคาไม่เกินถึงละ 30-35 บาทถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นภาระของประชาชนมาก และปีนี้ก็พบว่าประชาชนกินเจน้อยลงทำให้ความต้องการผักไม่ได้มากเหมือนที่ผ่านมา ประกอบกับมีฝนตกชุกทำให้มีผักเข้ามาจำนห่ายต่อเนื่องทำให้ไม่ขาดแคลน
ด้านนายรังสรรค์ จันทร์วิเมลือง เลขานุการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี กล่าวว่า ในปีนี้ถือว่าราคาผักของเกษตรกรอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจส่วนใหญ่ราคาปรับตัวดีขึ้นแม้จะไม่มากนักเช่น ขึ้นฉ่าย ราคาอยู่ที่ 170-180 บาท/กก.ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ผักอื่น ๆเช่น คะน้า สะระแหน่ โหระพา ผักชี ผักบุ้ง ก็มีราคาที่ไม่ค่อยต่างจากปีที่ผ่านมาเช่นกันมีขึ้นลงเล็กน้อยตามความต้องการของตลาด
อย่างไรก็ตาม กลุ่มยังมีความต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟต์โลน) ได้มากขึ้นเพื่อจะได้เงินไปซื้อรถเย็น เพื่อใช้ในการขนส่งผักซึ่งการใช้รถเย็นจะช่วยยืดอายุผักให้ยาวนานขึ้น ขนส่งได้มากขึ้น รวมทั้งหากเกษตรกรเข้าถึงซอฟต์โลนก็จะนำมาใช้ในการปรับปรุงขยายพื้นที่พักและตกแต่งผักให้กว้างขวางมากขึ้น เพราะตลาดผักในปีนี้ถือว่าไปได้ดี ทางกลุ่มนอกจากจะขายผักผ่านตลาดค้าส่ง ตลาดสด ซุปเปอร์มาร์เก็ต การออกบูธจำหน่ายตามงานต่าง ๆแล้วยังประมูลเพื่อเป็นผู้ส่งผักให้กับโรงพยาบาลอีกสองแห่งคือโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต และโรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพ อีกด้วย
ส่วนสถานการณ์ฝนตกชุกในช่วงนี้ถือว่าเป็นผลดีต่อเกษตรกรในเขตต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพราะอยู่ในพื้นที่ที่น้ำทะเลเคยหนุนสูงขึ้นมาจนน้ำเค็มสร้างความเสียหายต่อผลผลิต แต่การที่มีฝนตกชุกในช่วงนี้เกษตรกรก็เบาใจว่าทำให้ปริมาณน้ำฝนมีมากพอที่จะดันน้ำเค็มไม่ให้ขึ้นมาถึงพื้นที่ทำการเกษตรกร และหวังว่าจะไม่ตกมากจนถึงขั้นท่วมพื้นที่แปลงผัก