นายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ร่วมมือกับ ร่วมมือกับ “ห้างเซ็นทรัล”,“เอปสัน” และ”ออปโป้” ทุ่มงบประมาณ 80 ล้านบาทในการสร้างโปรเจคยักษ์แห่งปี “House of Illumination” ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ภายใต้แนวคิด Digital • Art • Experience มีการผสมผสานเรื่องของศิลปะ ดิจิทัล และเทคโนโลยีไว้ด้วยกัน โดยไม่ได้ตั้งเป้าแค่ดึงดูดเฉพาะคนไทยเท่านั้น แต่ยังต้องการเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศจากทั่วโลกให้เข้ามาเที่ยว รวมทั้งพื้นที่แห่งนี้ ยังสามารถรองรับและเปิดให้เช่าพื้นที่สำหรับการจัดสัมนา จัดอีเว้นต์ หรือกิจกรรมต่างๆได้
โดยจะเปิดอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2563 ไปจนถึงตุลาคม 2565 ระยะเวลา 2 ปี โดบัตรผู้ใหญ่ 350บาท, บัตรนักเรียน นักศึกษา ราคา 300 บาท และบัตรเด็ก (สูงไม่เกิน 130 ซม.) ราคา 250 บาท และจะมีการเปลี่ยนรูปแบบ แนวคิด และเนื้อหาการแสดงทุกๆ 3 เดือน เพื่อช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าตลอดการจัดงานจะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 8 แสนคน สร้างรายได้กว่า 300 ล้านบาท ”
“แม้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ แต่ก็ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการเดินทางภายในประเทศได้จากกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย (Expat) ซึ่งการจัดงาน “House of Illumination” ถือเป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในพื้นที่กรุงเทพฯ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อน ภายใต้มาตรฐานรักษาความสะอาดและความปลอดภัยระดับเวิลด์คลาส เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว”
สำหรับงานแสดง House of Illumination แบ่งออกเป็น 8 ห้องจัดแสดงได้แก่ ห้องที่ 1: THE CUBE ดำดิ่งสู่ HOUSE OF ILLUMINATION ผ่านอุโมงค์ที่ประกอบจากโครงสร้าง LED Strip ที่พร้อมเปิดต้อนรับคุณเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการไร้ขีดจำกัด, ห้องที่ 2: LASER CAGE วอร์มอัพจินตนาการในเขาวงกตแห่งแสง กับเทคนิคการสร้างขอบเขตพื้นที่ด้วย Laser Heads มากที่สุดถึง 600 ตัว, ห้องที่ 3 : SHINNING SYMPHONY มาเต้นรำไปพร้อมกับอินเทอร์แอคทีฟเลเซอร์ ในรูปแบบเครื่องดนตรี ให้คุณสามารถสร้างเสียงดนตรีได้ในแบบของคุณ, ห้องที่ 4: THE LEVITATION ล่องลอยท่ามกลางหมู่ดาว กับเทคนิคพิเศษที่พลิกพื้นดินสู่ห้วงอวกาศ ด้วยการวางกระจกในแนวเฉียง 45 องศา ห้องที่ 5: THE GLOWING SCULPTURE ต่อยอดจินตนาการระดับพิกเซลด้วยการสร้างรูปปั้นจากแสงโดยเทคนิค 3D LED Pixel
ห้องที่ 6: THE INFINITE TUNNEL ตื่นตาตื่นใจไปกับอุโมงค์กระจกสะท้อนภาพแบบไม่รู้จบ ที่จะนิยามโลกของคุณในมิติใหม่,ห้องที่ 7: FROM FOREST TO SPACE พบกับสนามเด็กเล่นในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟที่จะพาคุณออกไปสำรวจเส้นทางคู่ขนานจาก ‘ป่ามหัศจรรย์’ สู่ ‘อวกาศอันไกลโพ้น’ ห้องที่ 8: THE BOUNDLESS ดื่มดำในบรรยากาศ แห่งศิลปะดิจิทัลและเทคโนโลยีการแสดงแสง ที่จะปลดล็อคคุณสู่โลกแห่งจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัด และพิเศษสุดกับ LIGHT NEST ที่จะพาคุณเพลิดเพลินไปกับอินเทอร์แอคทีฟคาเฟ่ พร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการรับประทานอาหารแบบฉบับ HOUSE OF ILLUMINATION เรียกว่างานครั้งนี้โปรดักชั่นเลเซอร์ มัลติมีเดีย แมปปิ้ง แสงสีที่ลงทุนกว่า 80 ล้านบาท
ด้านนางสาวรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัดในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวถึง การสนับสนุนการจัดงาน House Of Illumination ว่า เพื่อช่วยสร้างสีสันความสนุก ตื่นเต้น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้แก่ลูกค้าทุกท่านทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกของเมืองไทยอย่างแท้จริง ด้วยความพร้อมของโลเคชั่น บนชั้น 8 ห้างเซ็นทรัล @ เซ็นทรัลเวิลด์ ที่สุดแห่งห้างไลฟ์สไตล์ของไทย ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพบนทำเลทองย่านราชประสงค์ ซึ่งถือเป็น Strategic Location เป็นย่านเศรษฐกิจของไทย และเป็น เดสติเนชั่นของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงมีความพร้อมต้อนรับทุกท่าน ให้สามารถเดินทางมาชื่นชมศิลปะ มาเช็คอิน แฮงค์เอาท์ พบปะสังสรรค์กันได้อย่างมีความสุข พร้อมทั้งเพลิดเพลินไปกับสินค้าทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ระดับโลกกว่า 3,000 แบรนด์ รองรับทุกไลฟ์สไตล์ของคนทุกกลุ่มทุกวัย และสอดคล้องกับนโยบายของห้างเซ็นทรัล ที่พร้อมเป็นเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของทุกคน
ด้านนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัทได้นำเลเซอร์โปรเจคเตอร์มาผสานกับเทคนิค Projection Mapping เพื่อฉายดิจิทัลคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์โดยอินเด็กซ์ฯ ลงบนฉากการแสดงในห้องต่างๆ ภายในพื้นที่จัดแสดง โดยเลเซอร์โปรเจคเตอร์ทั้ง 18 เครื่องของเอปสันที่ใช้ภายในงานจะครอบคลุมการฉายทั้งระยะสั้นและระยะไกล รองรับการฉายภาพที่มีความละเอียดและคุณภาพสูงระดับ 4K และสามารถใช้งานติดต่อกันโดยไม่ต้องบำรุงรักษานานถึง 20,000 ชั่วโมง จึงรองรับการจัดแสดงระยะเวลา 2 ปีของ House of Illumination ได้อย่างไร้ปัญหา บริษัทมั่นใจว่าด้วยเทคโนโลยีโปรเจคเตอร์ชั้นสูง จนได้รับความเชื่อถือและมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของโลกมายาวนานกว่า 19 ปี และได้รับความไว้วางใจให้ในการใช้งานที่ DIGITAL ART MUSEUM : Team Lab Borderless ที่กรุงโตเกียวของเอปสัน จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ และเพิ่มอรรถรสในการรับชม House of Illumination ในครั้งนี้ให้น่าตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง