การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วยนั้น ทำให้หลายธุรกิจถูกจับตามองถึงการปรับแผนรองรับรวมถึง “พรีเมี่ยมเอาท์เล็ต” โมเดลค้าปลีกที่ถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ จาก 2 บิ๊กเนมอย่าง “เซ็นทรัล วิลเลจ” โดยกลุ่มเซ็นทรัล และ “สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ” โดยกลุ่มสยามพิวรรธน์ ที่จะชิงอัดแคมเปญโปรโมชันเพื่อกอบโกยยอดขายในช่วงโค้งท้ายของปีซึ่งเป็นไฮซีซั่น
เริ่มต้นจาก “เซ็นทรัล วิลเลจ” ที่ซุ่มเตรียมจัดหนักแคมเปญโปรโมชันเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ทั้งแคมเปญ Double Mega Sale และ Year End Campaign ซึ่งการันตีได้ว่าจะมีโปรโมชันสุดคุ้มจากแบรนด์ดังและศูนย์ อาทิ มอบส่วนลดตั้งแต่ 35-90% , ส่วนลดเพิ่ม on-top, แจก Cash Voucher ที่นำมาใช้ช้อปต่อได้อีก พร้อมโปรโมชัน พิเศษจากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ นอกจากนี้ยังมีบิ๊กอีเวนต์จากแบรนด์ดัง อาทิ Jim Thompson Clearance Sale up to 90% ซึ่งเป็นงานเซลครั้งยิ่งใหญ่ประจำปีของแบรนด์ Jim Thompson ที่เลือกมาจัดแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่เซ็นทรัล วิลเลจ ที่เดียวเท่านั้น
โดยนายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ผู้บริหาร “เซ็นทรัล วิลเลจ”เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า 2 เดือนสุดท้ายถือเป็นช่วงเวลาสำคัญมี 2 เทศกาลใหญ่อย่างคริสต์มาสและปีใหม่ลูกค้าจึงมองหาของ ขวัญพรีเมี่ยมจากแบรนด์ลักชัวรี่ดัง
“ปีนี้ มีแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่ร่วมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ด้วยการจัดแคมเปญโปรโมชัน ไม่ว่าจะเป็น Coach, Outlet by Club 21, Ermenegildo Zegna, Kate Spade New York, Kenzo, Polo Ralph Lauren, Salvatore Ferragamo ที่ลดราคาสุดๆทุกวัน มีส่วนลด on-top และมีเซตของขวัญคอลเลคชั่นพิเศษที่จะมาสมนาคุณให้กับลูกค้า ทั้งเครื่องสำอาง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์กีฬา ของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ มี Festive Decoration ให้ถ่ายรูปเล่นหลังช้อปเหมือนเดินเอาท์เล็ตเมืองนอก และมี Lifestyle
Market ให้ลูกค้ามาเลือกช้อปสินค้าดีไซน์เก๋ๆ โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีทราฟฟิคเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 10-15%
ขณะที่ “สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ” ซึ่งเชื่อมั่นว่า 2 เดือนสุดท้ายของปีจะเป็นช่วงแห่งการจับจ่าย ซึ่งนักช็อปเตรียมความพร้อมและวางแผนเต็มที่ ดังนั้นเพื่อรองรับกำลังซื้อในช่วงเวลาดังกล่าว จึงเตรียมดึงร้านค้าแบรนด์เนมเข้ามาเสริมทัพ โดยในเดือนพฤศจิกายน มีอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์ เข้ามาเปิดบริการพร้อมจัดโปรโมชันพิเศษ ทั้ง Karl Lagerfeld และ Fred Perry นอกจากนี้ยัง Pop-Up จากแบรนด์ดังเข้ามาเสริมทัพ สร้างสีสันให้กับนักช็อป ร่วมกับลักชัวรี่แบรนด์ที่เปิดไปก่อนหน้านี้ทั้ง Salvatore Ferragamo และ Breitling เป็นต้น
“สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตฯ จะจัดแคมเปญ Illumination Year End Sale เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 จนถึงกลางเดือนมกราคม 2564 พร้อมโปรโมชั่นจากบัตรเครดิตชั้นนำที่ร่วมรายการ รับเครดิตเงินคืนคุ้มค่าสูงสุดส่งท้ายปี พร้อมฉลองเทศกาลแห่งความสุข กับ Illumination Art ในธีม Illumination Spectrum ซึ่งเชื่อว่าตลอด 3 เดือนนี้ จะช่วยกระตุ้นจำนวนลูกค้าให้เพิ่มขึ้น 20% เพิ่มยอดการจับจ่ายใช้เพิ่มขึ้น 10 - 15% โดยเฉลี่ยการใช้จ่ายกว่า 2,000 บาทต่อคน”
อย่างไรก็ดี กลุ่มเป้าหมายหลักของเซ็นทรัล วิลเลจและสยามพรีเมี่ยม เอาท์เล็ตฯ คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เมื่อหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยปิดการเดินทางข้ามประเทศ ส่งผลกระทบอย่างหนัก จึงต้องปรับเปลี่ยนหันมาหาลูกค้าโลคัลในกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อแทน ซึ่งพบว่ากว่า 70% ของนักช็อปที่มาจะซื้อกลับไปด้วย ทำให้ผลประกอบการโดยรวมมีการเติบโตเพิ่มขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เซ็นทรัล วิลเลจ อัดแคมเปญ ดันทราฟฟิกเพิ่ม 20%
“พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต” แข่งดุ ‘เซ็นทรัล-สยามพิวรรธน์’ ปรับแผนชิงนักช็อปไทย
“สยามพิวรรธน์ - เซ็นทรัล” ชิงธง “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต” เมืองไทย