นางญาณิน พิศาลวาเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรฟาสซิโน จำกัด และบริษัท ฟาร์มาฮอฟ จำกัด ผู้บริหารร้านค้าปลีก เวชภัณฑ์ยา อุปกรณ์การแพทย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม “ฟาสซิโน” (FASCINO) เปิดเผยว่า จากผลวิจัยพบว่าทางเลือกแรกของคนเจ็บป่วยไม่รุนแรง คือร้านขายยามีมากถึง 32% ขณะที่คนจะเลือกไปโรงพยาบาลเอกชน 25% และเลือกไปโรงพยาบาลรัฐเป็นตัวเลือกแรกเพียง 16% เท่านั้น ซึ่งคนไทยเสียค่ายาในร้านขายยา เฉลี่ยแล้วครั้งละ 150-200 บาท
โดยตัวเลขค่าใช้จ่ายส่วนนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกปีสะท้อนว่าคนยุคใหม่เลือกเดินเข้าร้านขายยา ไปซื้อยาทานเองมากขึ้น แทนการไปพบแพทย์ในโรงพยาบาล ด้วยเหตุผลว่าคุ้มค่า สะดวก ไม่เสียเวลาเท่ากับการไปรอคิว หรือต้องเสียเวลาเดินทางนาน ๆ ยิ่งตอนนี้ health and wellness คือ Global trend ในทุกธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เริ่มหันมาสนใจลงทุน
ซึ่งในปีล่าสุดพบว่าในเมืองไทยมีผู้ประกอบการค้าปลีกใหญ่หลายแบรนด์ เริ่มหันมาทำร้านขายยา ซึ่งมีประมาณ 16,000 แห่ง แบ่งออกเป็น เชนร้านขายยา 1,400 แห่ง คิดเป็น 9% และอีก 14,600 แห่งเป็นร้านขายยาเดี่ยวของผู้ประกอบการรายย่อย คิดเป็นสัดส่วน 91%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดใจคีย์แมน “คาราบาว กรุ๊ป” เขย่าชูกำลัง-ค้าปลีก-น้ำเมา
ล่าสุดฟาสซิโน เน้นขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยเปิดให้ผู้สนใจเข้ามาลงทุนด้วยอายุสัญญา 10 ปี ค่า Franchise Licensing ประมาณ 1.5 ล้านบาท และเภสัชกรที่ทำงานกับฟาสซิโนมาแล้ว 3 ปีจะได้รับสิทธิพิเศษ Franchise fee ลด50% เหลือ 7.5 แสนบาท ก็สามารถมีร้านขายยาเป็นของตัวเองได้เลย โดยจะได้สิทธิ์ใช้แบรนด์ฟาสซิโน พร้อมระบบ software ทีม support เป็นที่ปรึกษา ช่วยวิเคราะห์ทำเลร้าน วางแผนและตกแต่งภายใน ส่วนลดในการซื้อสินค้าที่มีมากกว่า 1.7 หมื่นรายการ แบ่งเป็นยา 55% เครื่องมือแพทย์ 15% Patient support 8% ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 12% เครื่องสำอางและเวชสำอาง 5% อื่นๆ 4%
นอกจากนี้บริษัทยังเปิดตัว “Fascino Plus" สาขาแรกที่สุขุมวิท 24 ซึ่งเป็นโมเดลร้านรูปแบบใหม่ล่าสุด มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค โดยมีบริการ Health Check-up, Diseases Screening and Counseling พร้อมทั้งจัดกิจกรรมเสวนาและ Workshop เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของคนทุกวัยภายในร้าน ซึ่งทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ฟรี รวมถึงมี assortment ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพที่หลากหลายขึ้น เช่น อาหารเพื่อสุุขภาพ อุปกรณ์ออกกำลังกาย Smart health devices เป็นต้น
ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโต 7% จากปีก่อนที่มีการเติบโต 16% และคาดว่าหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายจะสามารถกลับมาเติบโตได้กว่า 10% ต่อปี และใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ จะมีโอกาสขยายตัวด้านแฟรนไชส์ไปได้อีกกว่า 20 แห่ง รวมไปถึงโอกาสในการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนามด้วย โดยปัจจุบันฟาสซิโนมีสาขารวม 105 แห่ง เป็นสาขาของบริษัทเอง 100 แห่ง (แบ่งเป็น กทม.และปริมณฑล 26 แห่ง ต่างจังหวัด 74 แห่ง) และเป็นสาขาแฟรนไชส์ 5 แห่ง