“คิวมินซี” ยึดตู้แช่  เปิดแนวรบตลาดเครื่องดื่มวิตามิน

หลังเปิดตัวแรงด้วยการคว้าซุปตาร์ตัวแม่ “ชมพู่ - อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ตัวแทนของคนใส่ใจสุขภาพมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ล่าสุด “คิวมินซี” ประกาศเดินหน้ารุกตลาดด้วยการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสู่ร้านค้าทั้งเทรดดิชั่นนอลเทรด และโมเดิร์นเทรด ซูเปอร์/ไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ

นายฐานธิษณ์ ยืนยงเตชะหิรัณ ประธานกรรมการ บริษัท เทรา ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด เปิดเผยว่า คิวมินซีเดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายจากที่มีขายเฉพาะที่ 7-Eleven  ล่าสุดได้วางจำหน่ายผ่านร้านค้าชั้นนำ ทั่วประเทศ อาทิ เทสโก้โลตัส, บิ๊กซี และจิฟฟี่ รวมถึงร้านขายของชำทั่วไป เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง

ทั้งที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพเป็นอย่างมาก และมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณประโยชน์สูงสุดและมีประโยชน์ต่อร่างกาย และเครื่องดื่มคิวมินซีเป็นทางเลือกหนึ่ง หลังจากที่บริษัททุ่มเทในการค้นคว้าและวิจัยอย่างหนักเพื่อให้ได้สูตรเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟังก์ชันนอลดริงก์โตแรง “โอสถสภา” เร่งเครื่องปั๊มยอดตลาดเครื่องดื่มสุขภาพ

‘อิชิตัน’ กางแผนบุกเฮลตี้  ฟื้นยอดครึ่งปีหลัง ตั้งเป้าทะยาน 50%

โดยคิวมินซีเกิดขึ้นจากแนวคิดที่ต้องการก้าวเข้าสู่ธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ด้วยนวัตกรรมการผลิตที่ได้มาตรฐานสูงอย่าง TAS 9023-2007  GMP Codex Alimentarius Commission   จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียหรือหมดอายุ  ซึ่งเกิดขึ้นจากการศึกษาดูงานในตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในประเทศชั้นนำทั้งยุโรปและญี่ปุ่น

“นโยบายของบริษัทให้ความสำคัญกับผู้บริโภคอย่างสูงสุดและใส่ใจในทุกรายละเอียด แม้แต่ชื่อของผลิตภัณฑ์ยังสะท้อนถึงความห่วงใยและใส่ใจ โดย QminC ย่อมาจาก: Q – Quality เครื่องดื่มที่ได้คุณภาพ , M – Mind ความใส่ใจผู้บริโภค, I – Innovation นวัตกรรมล้ำสมัย, N – Natural วัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติ, C - Caring for Consumer ความห่วงใยในสุขภาพของผู้บริโภค เราจึงไม่หยุดยั้งในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลาย และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคไทยอย่างตรงจุด”

อย่างไรก็ดี “คิวมินซี” ประสบความสำเร็จอย่างสูงหลังจากที่วางจำหน่ายและเลือก “ชมพู่ – อารยา เอ ฮาร์เก็ต” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์  เป็นตัวแทนของคนที่รักสุขภาพและเลือกแต่สิ่งที่ดีๆ ให้กับร่างกาย โดยมีกลุ่มเป้าหมายอายุ 22-65 ปี หนุ่มสาวชาวออฟฟิศที่ต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆ รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ระมัดระวัง ไปจนถึงผู้สูงวัยที่ต้องการดูแลสุขภาพ