คนไทยแห่ตั้งบริษัทใหม่ 11เดือนยอดขอจดพุ่ง 6หมื่นราย

นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ยอดรวมการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วง 11 เดือนปี 2563 (ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวน 60,053 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 207,688 ล้านบาท  ในขณะที่การจดทะเบียนธุรกิจในเดือนพ.ย.2563 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศจำนวน 4,479 ราย เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ลดลง 17% และเทียบเดือนพ.ย.2562 ลดลง 10% มีทุนจดทะเบียนมูลค่า 15,559 ล้านบาท เทียบกับต.ค.2563 ลดลง 64% เทียบกับพ.ย.2562 ลดลง 27% เนื่องจากผู้ประกอบการชะลอการจัดตั้งทำธุรกิจใหม่ เพราะเป็นช่วงปลายปี ไม่ต้องการที่จะทำบัญชีและจัดส่งงบการเงินของปีบัญชี 2563 ถือเป็นปกติของทุกปีที่การจดทะเบียนช่วงปลายปีจะเป็นแบบนี้ และคาดว่าการจดทะเบียนตั้งใหม่ในเดือนธ.ค.2563 ที่เหลืออีกเดือนเดียวของปีนี้ ก็จะลดลงเช่นเดียวกัน

ส่วนธุรกิจเลิกกิจการ มีจำนวน 14,907 ราย ลดลง 9% ทุนจดทะเบียน 75,133 ล้านบาท ลดลง 17% โดยคาดว่าทั้งปี 2563 จะมีการจดตั้งธุรกิจใหม่ประมาณ 63,000-64,000 ราย ลดลงจากปี 2562 ที่มีการจดตั้งใหม่รวม 71,485 ราย เพราะปี 2563 ประสบปัญหาการระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการทำธุรกิจ        

สำหรับธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรกของเดือนพ.ย.2563 ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการด้านอาหารในภัตตาคารและร้านอาหาร โดยธุรกิจบริการด้านอาหาร ถือว่ากำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล โครงการคนละครึ่ง รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวได้ดี พอมาเจอโควิด-19 ระบาดซ้ำ ก็เกิดการชะงัก

ทั้งนี้ ในปี 2564 กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายการตั้งธุรกิจใหม่อยู่ที่ 64,000-66,000 ราย ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่มีปัจจัยบวกและลบเพิ่มขึ้นไปกว่านี้ เพราะ แนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่ กำลังมีทิศทางดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่พอมาเจอโควิด-19 ระบาดรอบนี้ ก็ต้องรอดูสถานการณ์ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะดูแลได้

ล่าสุดมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 30 พ.ย.2563) มีจำนวน 772,068 ราย มูลค่าทุน 18.67 ล้านล้านบาท แยกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 187,811 ราย คิดเป็น 24.33% บริษัทจำกัด จำนวน 582,979 ราย คิดเป็น 75.51% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,278 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ