นายธรรมสร มีรัตน์ ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรบอท เมคเกอร์ จำกัด ผลิตและจำหน่ายหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัตโนมัติ แบรนด์ ออโต้บอท กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งในด้านธุรกิจ สังคม และการดำเนินชีวิต ในขณะเดียวกัน ยังเป็นหนึ่งในตัวเร่งสำคัญ ที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้แบรนด์ต้องตื่นตัวและค้นหาวิธีที่จะรับมือกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคอย่างทันท่วงที
การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการและธุรกิจต่างๆ สามารถนำไปวางกลยุทธ์และแคมเปญการตลาดเพื่อตอบรับกับความต้องการของพวกเขาได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา ออโต้บอท จึงได้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและพบว่า หลังจากที่ต้องกักตัวอยู่บ้านและทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมี 3 พฤติกรรมที่สำคัญ ได้แก่
1. ให้ความสำคัญกับชีวิตภายในบ้านมากยิ่งขึ้น
การอยู่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้ผู้คนต้องใช้เวลาอยู่บ้านมากกว่าปกติ และทำให้ความสนใจในการดูแลความเรียบร้อย และปรับปรุงสภาพแวดล้อมในบ้านให้ดูน่ารื่นรมย์เพิ่มมากยิ่งขึ้น จนเกิดเป็นเทรนด์ อาทิ ปรับแต่งบ้านให้ดูสวยงามน่าอาศัย จากการที่หลายๆ คนต้องใช้สมาธิไปกับการเรียนและการทำงานภายในบ้านเกือบทั้งวัน ทำให้การตกแต่งพื้นที่อยู่อาศัยให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย มีลูกเล่น และสร้างความผ่อนคลาย เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ จึงเกิดเป็นกระแสการปลูกต้นไม้ การหาเฟอร์นิเจอร์สวยๆ มาประดับห้อง รวมไปถึงวิธีการบริหารพื้นที่จัดเก็บภายในบ้านขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังห่วงเรื่องสุขอนามัย แม้อยู่ในบ้าน แน่นอนว่าการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้สร้างความกังวลใจให้กับใครหลายๆ คน จนต้องมองวิธีการดูแลตนเองและคนรอบข้างอย่างเสมอๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การทำความสะอาดพื้นที่ภายในบ้านและฟอกอากาศเพื่อสร้างความอุ่นใจ
2. เทคโนโลยีต้องตอบโจทย์ความสะดวกสบายและช่วยลดภาระ
จากการที่ต้องทำกิจกรรมและติดต่อกับโลกภายนอกผ่านโลกดิจิทัลและอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ทำให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น จนทำให้ผู้บริโภคยึดติดกับการพึ่งพาความชาญฉลาด ความรวดเร็วและความสะดวกสบายทันใจของเทคโนโลยี จนเกิดเป็น Lazy Economy หรือ เศรษฐกิจของคนขี้เกียจ เปิดเป็นช่องทางการตลาดมาเพื่อตอบรับกับความขี้เกียจของคนมากขึ้น
ความสะดวกสบายและรวดเร็ว ด้วยเหตุการณ์การล็อกดาวน์และการระมัดระวังตัวของผู้คนมากขึ้น เป็นตัวบีบให้ต้องหันมาทำการช้อปปิ้งและซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันบนช่องทางออนไลน์มากขึ้นจนเกิดเป็นนิสัย โดยเห็นได้จากอัตราการเติบโตของสินค้าออโต้บอท ประเภทหุ่นยนต์ดูดผุ่น และ เครื่องฟอกอากาศมีอัตราการเติบโตบน ช้อปปี้ ที่สูงขึ้นถึง 2 เท่า และ 3 เท่า
ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีล้ำสมัย ปัจจุบันผู้คนมักมีหลายเรื่องให้ต้องทำในแต่ละวัน ทำให้การดูแลเรื่องจุกจิกเล็กน้อยภายในบ้านกายเป็นเรื่องหน้าเบื่อ ดังนั้นการมีเทคโนโลยีที่จะลดภาระและเสริมสร้างความสะดวกสบายจึงเป็นที่นิยม
3. ประสบการณ์การใช้งานแบบไร้การสัมผัส
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเชื้อโควิด-19 คือการใช้เทคโนโลยี เพื่อลดการสัมผัสสิ่งของต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธนบัตร เนื่องจากโควิด-19 เป็นเชื้อที่สามารถแพร่กระจายได้ผ่านการสัมผัสเชื้อโรคเข้าสู่ดวงตาและริมฝีปาก จึงเกิดเป็นพฤติกรรมแบบ Contactless หรือประสบการณ์การใช้งานแบบไร้การสัมผัสขึ้น ส่งผลให้ผู้คนหันมาทำธุรกรรม และชำระเงินผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน โดยพฤติกรรมนี้ก็ยังคงอยู่กับผู้บริโภคต่อไป และยังคงมองหาเทคโนโลยีที่ช่วยให้สัมผัสกับสิ่งของได้น้อยลงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
นายธรรมสร กล่าวว่า จากพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค Next Normal นี้ มุ่งหาความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี และหันมาสนใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ปีนี้ ออโต้บอท ยังคงเน้นพัฒนานวัตกรรมให้มีความล้ำสมัยขึ้นไปอีกระดับ และได้ต่อยอดความร่วมมือกับช้อปปี้ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีอันชาญฉลาดของออโต้บอท ให้ถึงมือผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย และไร้การสัมผัส เริ่มต้นที่แคมเปญ Shopee 2.2 Free Shipping Sale ในวันที่ 25 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2564 นี้