จากกรณีที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำพิพากษาให้จำเลยล้มลาย และกำหนดนัดไต่สวนผู้ชำระบัญชีของบริษัทฯ จำเลย โดยเปิดเผย ณ ศาลล้มละลายกลาง” ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.1923/2560 ให้ “บริษัท ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติ (ประเทศไทย) จำกัด”ล้มละลายตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย ปี 2543 นั้น
ทำให้หลายสื่อเข้าใจว่าศูนย์แสดงสินค้าฯดังกล่าวเป็น “ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมไบเทค”นั้น “ฐานเศรษฐกิจ”ได้ทำการตรวจสอบไปยังทางศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) แล้ว ก็ได้รับการยืนยันว่าศูนย์แสดงสินค้าที่ล้มละลาย แม้จะตั้งอยู่ในย่านบางนาตราดเหมือนกัน แต่ไม่ได้เป็นของไบเทค หรือเกี่ยวข้องกับไบเทค หรือกลุ่มภิรัชบุรีแต่อย่างใด
ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ไบเทค ยังคงเปิดให้บริการและใช้สถานการณ์ในปัจจุบันมาเป็นโอกาสในการพัฒนาการให้บริการด้วยการนำนวัตกรรมอย่าง HYBRID MEETING SOLUTION มาใช้สำหรับการจัดแสดงสินค้าและการประชุมทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์
นอกจากนี้ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ได้รับการไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องให้เป็นสถานที่จัดงาน โดยในเดือนมีนาคม 2564 นี้ จะมีงานนิทรรศการตามปกติ อาทิ
ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 58 ระหว่างวันที่ 4 - 7 มีนาคม พ.ศ. 2564
บ้านและสวนแฟร์ select 2021 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มีนาคม พ.ศ. 2564
Commart Thailand 2021 ครั้งที่ 56 มหกรรมงานไอทีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 - 28 มีนาคม พ.ศ. 2564
อย่างไรก็ตามจากการตรวจของพบว่าศูนย์แสดงสินค้าฯที่ล้มละลายดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า เป็นของนายวรวิทย์ วีรบวรพงศ์ เจ้าของกลุ่มสยามแก๊ส และผู้ก่อตั้งโรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์, โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพฯ และโครงการโบ๊เบ๊ทาวเวอร์
จากข้อมูลในเว็บไซต์ของ กรมการค้าภายใน พบว่า บริษัท ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติ (ประเทศไทย) จำกัด จดเบียนทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2535 ด้วยทุนจดทะเบียน 12.5 ล้านบาท มีชื่อคณะกรรมการ 7 คน โดยนายวรวิทย์ วีรบวรพงศ์ อยู่ลำดับที่ 1 และนางพัชรา วีรบวรพงศ์ อยู่ลำดับที่ 2 โดยจดทะเบียนในประเภทธุรกิจการจัดการแสดงทางธุรกิจและการแสดงสินค้า
ผลประกอบกอบการของ บริษัท ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติ (ประเทศไทย) จำกัด
พ.ศ. 2552 ขาดทุน 1,860,685.45 บาท
พ.ศ. 2553 ขาดทุน 1,493,625.64 บาท
พ.ศ. 2554 ขาดทุน 1,292,642.26 บาท
พ.ศ. 2555 ขาดทุน 889,499.48 บาท
พ.ศ. 2556 ขาดทุน 957,379.75 บาท
พ.ศ. 2557 ขาดทุน 9,529,316.34 บาท
ตั้งแต่ พ.ศ.2552 - 2557 รวมขาดทุนสะสม 16,023,148.92 บาท