นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า ภายในปลายเดือน มี.ค.ถึงต้นเดือน เม.ย.นี้ ยสท.จะ เปิดลงทะเบียนเกษตรกร เพื่อเข้าร่วม โครงการปลูกพืชกัญชงและกัญชาเชิงพาณิชย์ โดยนำร่องให้ เครือข่ายผู้ปลูกใบยาสูบ ของ ยสท. กว่า 13,000 ครัวเรือนเข้าร่วมก่อน เพื่อใช้เป็นการปลูก พืชทางเลือก ทดแทนการขายใบยาที่ลดลง หลังจากได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีบุหรี่ และต่อจากนั้นจึงขยายให้เกษตรกรทั่วไปเข้าร่วมลงทะเบียนได้ โดยผลผลิตจะนำไปวิจัยเพื่อนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ยา และภาคอุตสาหกรรม โดยจะไม่นำมาผสมขายในบุหรี่ ซึ่งหากทำได้จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น จากเดิมปลูกใบยามีรายได้ปีละ 23,000 บาทต่อไร่ แต่หากปลูกกัญชาคาดมีรายได้ 250,000 บาทต่อไร่
ทั้งนี้รัฐบาลเห็นด้วยและเชื่อว่า ยสท.มีความเหมาะสมที่จะเข้ามาปลูก และผลิตกัญชา กัญชงในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากมีเครือข่ายเกษตรกรที่มีคุณภาพ มีตัวตนชัดเจน ขณะเดียวกันก็มีหน่วยงานด้านวิจัย พันธมิตรสถาบันการศึกษา โรงพยาบาล โรงงาน ซึ่งมีความพร้อมในการจัดการ ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และกฤษฎีกา อยู่ระหว่างออกกฎกระทรวงเพื่อปลดล็อกให้การยาสูบฯ สามารถเดินหน้าทำกัญชากัญชงเชิงพาณิชย์ได้ คาดจะเสร็จสิ้นภายใน 1-2 เดือนนี้
"เบื้องต้นน่าจะมีเกษตรกรที่เป็นเครือข่ายกว่า 60% พร้อมเข้าร่วม โดย ยสท.จะมีการประชุม และอบรมเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกกัญชา กัญชงก่อนเพื่อเตรียมความพร้อม และหลังจากนั้นจึงออกกฎเกณฑ์ว่าจะปลูกได้กี่ต้น ราคารับซื้อเท่าไร"
นายภาณุพล กล่าวว่า การเดินหน้าศึกษาธุรกิจกัญชากัญชง เป็นส่วนหนึ่งในแผนปรับตัวหารายได้ขององค์กร หลังจากได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีบุหรี่ ที่ทำให้ยอดขายและกำไรลดลง โดยการยาสูบได้ทำหลายทาง เช่น การร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ที่โรงงานผลิตยาสูบ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าถึงปีละ 19 ล้านบาท รวมถึงการนำที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย หนองคายออกประมูลเช่าสร้างรายได้ โดยคาดปีนี้จะมีกำไร 600-700 ล้านบาท และปีหน้าจะมีกำไรเกิน 1,000 ล้านบาท ขณะที่การขอ ครม.กู้เงิน 1,500 ล้านบาทมาใช้ ไม่ได้เป็นเพราะ ยสท. ถังแตก แต่เป็นการกู้เพื่อบริหารความเสี่ยงในอนาคตเท่านั้น
ส่วนการขึ้นภาษีบุหรี่ ขณะนี้กรมสรรพสามิตกำลังทบทวน คาดจะสรุปภายในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่าคงไม่ใจร้ายปรับขึ้นภาษีจนทำให้บุหรี่เพิ่มไปซอง 75-80 บาท เพราะทำอุตสาหกรรมลำบาก และที่ผ่านมาการขึ้นภาษีบุหรี่ก็ยังมีคนสูบบุหรี่เหมือนเดิม 10.7 ล้านคน สูบลดลงเพียง 4% แต่กลับทำให้มีบุหรี่เถื่อนลักลอบเข้ามาเพิ่มถึง 25-30%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: