นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่าวันนี้(24 มี.ค.64)กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับหนังสือจาก 8องค์กรสมาคมท่องเที่ยว-การบินได้มายื่นเสนอแผนการบริหารจัดการวัคซีน
รวมถึงแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ(ที่ได้รับวัคซีนแล้ว) โดยไม่ต้องกักตัว เพื่อต้องการให้คนต่างชาติสามารถเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว
ตาม Time line ที่มีการแถลงข่าวโดย นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 สามารถให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งจะมีมาตรการอย่างไร เพื่อให้สามารถเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้น
แต่การเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นสำหรับคนที่ได้รับวัคซีน 2 ครั้ง จะใช้ในลักษณะ Sand Box ตามที่มีการหารือกันระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข ศบค. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งสมาคมโรงแรม และชาวภูเก็ต เบื้องต้นจะใช้ภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง Sand box
โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้เสนอขอวัคซีนไปยังกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 925,000 โดส เพื่อไปฉีดให้กับประชาชนชาวภูเก็ต ได้ 70 % โดยจะได้รับวัคซีนในช่วงเดือนมีนาคม เมษายน และพฤษภาคม
ทั้งนี้หลังจากได้รับการฉีดวัคซีน จะมีการรอระยะเวลา14 วัน เพื่อให้มีการสร้างภูมิ และจะเข้ามาในเงื่อนไขว่า ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เราสามารถให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้ว 2 ครั้ง เข้ามาในจังหวัดภูเก็ตโดยไม่ต้องกักตัว
โดยสัปดาห์แรกขอให้ท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและหากไม่มีอาการ นักท่องเที่ยวก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยได้
นอกจากนี้ กระทรวงฯ และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้มีการหารือกับสมาคมโรงแรมและสายการบินต่างๆ เพิ่มเติมด้วยว่า ถ้าหากนโยบายนี้เป็นไปได้ ทุกหน่วยงานจะต้องมีการร่วมมือกัน ว่าจะทำอย่างไร ให้มีการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยว เช่น ค่าโดยสารเพื่อให้สามารถกระตุ้นนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้มากขึ้น ในช่วง ไตรมาส 3 และก่อนจะถึงช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2564
ทั้งนี้ในข้อเสนอดังกล่าว มีรายละเอียดดังนี้
เรื่อง:ขอเสนอแผนการบริหารจัดการวัคซีนและแผนการเปีดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว(ที่ได้รับวัคซีนแล้ว) โดยไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
เรียน:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เนื่องด้วยภาคธุรกิจท่องเที่ยวบริการ และธุรกิจสายการบินของประเทศไทย โดยมีสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TC1) ร่วมด้วยสมาคมโรงแรมไทย (THA) สมาคมสปาไทย สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก สาขาประเทศไทย (PATA)
โดยมีแนวร่วมพันธมิตรธุรกิจสายการบิน ซึ่งประกอบด้วย สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA)สมาคมธุรกิจสายการบิน (BAR) และสมาคมสายการบินประเทศไทย (AAT)ขอชื่นชมภาครัฐในการบริหารจัดการการควบคุมการแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19ได้อย่างมีประสิทธิภาพและขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างสูง ที่บริหารจัดการรับมือการแพร่ระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี
สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีระบบการเฝ้าระวังและการควบคุมโรคที่เข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยและยืนยันความสำเร็จในความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน
อย่างไรก็ตามวาระเร่งด่วนระดับโลกของนานาประเทศคือการจัดสรรและการเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรภายในประเทศของตนเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และการเร่งการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
โดยที่หลายประเทศทั่วโลกเริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และคาดว่าประชากรในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา จีน
ตะวันออกกลาง และทวีปยุโรปจะได้รับการฉีดวัคนเป็นจำนวนถึง 70% ของประซากรทั้งหมดภายในช่วงปลายฤดูร้อนหรือเดือนสิงหาคมนี้
จากการสำรวจร่วมกับบริษัทนำเที่ยวถึงนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศในตลาดเป้าหมายของไทย มีผลสำรวจว่านักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบแล้วต้องการที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมากหากไม่มีการกักตัว ทำให้การกักตัว แม้ว่าจะลดปริมาณวันกักตัวเหลือ 7 วันนั้น ยังคงเป็นอุปสรรคในการตัดสินใจเดินทางอย่างยิ่ง
ดังนั้นทั้ง 8 องค์กรหลักในธุรกิจท่องเที่ยวบริการและธุรกิจสายการบินของประเทศไทยขอขานรับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในการเดินหน้าพื้นที่ Sandbox ในจังหวัดท่องเที่ยวหลักเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยกระตุ้นเศรษฐกิจ และสนับสนุนแนวทางของสมาคมหอการค้าไทยในการบริหารจัดการวัคชีน
ทั้งขอเสนอแผนต่อรัฐบาลในการบริหารจัดการวัคซีนในประเทศไทยเพื่อรองรับการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว และเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ดังต่อไปนี้
1. ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ให้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19ครบเรียบร้อยแล้วเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว อย่างน้อยในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวนำร่อง เช่น ภูเก็ตและสมุย
2.เร่งรัดการจัดสรรและการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 70% ของประชากรในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ตและสมุย ภายในวันที่ 15 เมษายน - 30 มิถุนายน 2564 เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในท้องถิ่นให้มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วไม่ต้องกักตัวตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2564เป็นต้นไป
(มติการประชุมโครงการ Phuket Tourism Sandbox ฉีดวัคซีนให้คนภูเก็ตและรับจะเข้าประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวันที่ 26 มี.ค. และนำเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 30 มีนาคมนี้)
3.พิจารณาให้ภาคเอกชนร่วมกับรัฐบาลในการจัดหา และนำเข้าวัคซีนทางเลือกอื่นๆเพิ่มเติมในต่างประเทศทั่วโลกอย่างเร่งด่วนเพื่อกระจายวัคซีนดังกล่าวสู่ประชาชนภายในประเทศไทยอย่างทั่วถึง
4.เร่งจัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรภาคท่องเที่ยวและบริการ (เช่น พนักงานโรงแรมและพนักงานสายจำนวนเกือบ 1,000,000 คนทั่วประเทศภายในเดือนมิถุนายน 2564 เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้แก่ทั้งบุคลากรผู้ปฏิบัติงานและแก่ตัวนักท่องเที่ยวเอง
5. ประกาศกรอบเวลา และเงื่อนไขที่ชัดเจนในการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเริ่มต้นในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป อย่างน้อยสำหรับพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวนำร่อง และเร่งดำเนินการเปิดประเทศสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้สามารถเดินทางได้ทั่วประเทศในเวลาอันรวดเร็วให้ทันกับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจากประเทศที่เป็นตลาดสำคัญของไทยและฤดูกาลการท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมทางการตลาด โดยเฉพาะโรงแรมและสายการบินและการเตรียมดำเนินการเพื่อเจรจาข้อตกลง "Travel Bubble" ระหว่างประเทศ
6.พิจารณาอนุมัติใช้ IATA Travel Pass ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นบนมือถือที่ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทั้งนักเดินทาง สายการบิน และภาครัฐให้สามารถบริหารจัดการและตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารรับรองผลตรวจหรือใบรับรองการรับวัคซีนโควิด 19
ทั้งยังเป็นการยกระดับมาตรการความปลอดภัยในการคัดสรรนักท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัยสูงเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นแอปพลิเคชั่นที่สายการบินทั่วโลกให้การยอมรับ