นางสาวปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา และโครงการเมกาซิตี้ บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของโครงการเมกาซิตี้ โปรเจ็คอสังหาริมทรัพย์รูปแบบ “มิกซ์ ยูส” ภายใต้งบลงทุนรวมกว่า 67,000 ล้านบาท โดยมีเมกาบางนาเป็นศูนย์กลาง ซึ่งปัจจุบันมีการใช้พื้นที่ไปแล้ว 300 ไร่
ล่าสุดบริษัทจับมือท็อปกอล์ฟ จากประเทศสหรัฐอเมริการ่วมเป็นพันธมิตรสร้างสปอร์ต แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ในรูปแบบใหม่ที่ผสานดิจิทัลเทคโนโลยีกับกีฬากอล์ฟและเอ็นเตอร์เทนเมนท์ไลฟ์สไตล์แบบเต็มรูปแบบแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่รวมกว่า 29 ไร่
เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการราว 50 ล้านคนต่อปี และเป็นกลุ่มครอบครัวที่มีกำลังซื้อสูง เป็นฐานลูกค้าที่มีศักยภาพ ซึ่งจะช่วยต่อยอดเป้าหมายทางธุรกิจให้กับท็อปกอล์ฟได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการในโครงการเมกาซิตี้ถึงวันละ 2.5 แสนคนและท็อปกอล์ฟจะเป็น Destination ใหม่ที่โดดเด่นและแตกต่างจากที่อื่น
“การนำเสนอประสบการณ์ความบันเทิงระดับไอคอนิกแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนรุกขยายธุรกิจเพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้ที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟรวมไปถึงบุคคลทั่วไปที่แม้จะไม่ได้เล่นกอล์ฟก็ตาม”
ปัจจุบันท็อปกอล์ฟมีลูกค้ามากกว่า 20 ล้านคนในทั่วโลกที่มาใช้บริการในสาขาที่มีอยู่เกือบ 70 แห่ง ทั้งที่ลาสเวกัสไปจนถึงโกลด์โคสต์ ออสเตรเลีย และจากไมอามีไปจนถึงดูไบ จึงมั่นใจว่าการนำเสนอแหล่งสังสรรค์ในแบบฉบับท็อปกอล์ฟจะเป็นที่ถูกใจลูกค้าชาวไทยอย่างแน่นอน
ด้านนายทิม โบดา ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ท็อปกอล์ฟ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า นักกอล์ฟจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีการติดตามผลและการวิเคราะห์วงสวิงเพื่อช่วยเพิ่มประสบการณ์และปรับปรุงการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีห้องประชุมที่หลากหลายรูปแบบให้บริษัท เพื่อเป็นวิธีใหม่ในการประชุม พบปะสังสรรค์ และเลี้ยงฉลองในวาระต่าง ๆ ร่วมกัน
สำหรับท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ เป็นศูนย์รวมความบันเทิงสูง 3 ชั้นครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 47,000 ตารางเมตร (29 ไร่) ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่เกือบเท่ากับสนามฟุตบอล 7 สนามรวมกัน รวมถึงฮิตติ้งเบย์กลางแจ้งถึง 98 ช่อง พร้อมรองรับผู้เล่นกว่า 600 คนไว้คอยบริการตลอดวัน จะเปิดให้บริการในกลางปี 2565
ภายในยังมีบาร์และร้านอาหารที่หลากหลาย ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่และอื่นๆอีกมากมาย แขกผู้มาเยือนสามารถเพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่มคุณภาพสูงหลากหลายรายการ นับตั้งแต่อาหารอเมริกันคลาสสิกไปจนถึงอาหารไทยรสเลิศ โดยเลือกวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมจากในประเทศที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันโดยเชฟ
“ด้วยศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจของย่านบางนา ซึ่งมีการขยายตัวด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องบริษัทได้เปิดกว้างในรูปแบบของการลงทุนในโครงการเมกาซิตี้ ทั้งการซื้อที่ดิน การเช่าระยะยาว และการพัฒนาโครงการตามความต้องการสำหรับนักลงทุน และพันธมิตรธุรกิจ ทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มีเป้าหมายและวิสัยทัศน์เหมือนกัน
เพื่อร่วมกันสร้างให้โครงการเมกาซิตี้เป็นจุดนัดพบที่ยิ่งใหญ่ และครบวงจรอย่างแท้จริง ที่รองรับลูกค้าได้จากทุกพื้นที่ และทุกกลุ่มวัย โดยเชื่อมั่นว่าจะเป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์ของนักลงทุนได้อย่างดี รวมถึงโปรเจ็กต์ของภาครัฐที่กำลังจะพัฒนาเข้ามาในพื้นที่ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีเหลือง รถไฟฟ้ารางคู่บางนา – สุวรรณภูมิ และสนามบินนานาชาติ
และอีกทั้งอยู่ใกล้โซน EEC อีกด้วย รวมถึงศักยภาพของทำเลที่ตั้ง โครงสร้างสาธารณูปโภค และกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อที่เดินทางมาใช้บริการที่ศูนย์การค้าเมกาบางนาอยู่แล้ว โดยตั้งแต่เปิดตัวโครงการเมกาซิตี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เชื่อมั่นว่ายังมีอีกหลายองค์ประกอบที่จะสามารถเติมเต็มความสมบูรณ์ของเมกาซิตี้ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของโซนกรุงเทพตะวันออกด้วยกัน” นางสาวปพิตชญา กล่าวสรุป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“เมกาบางนา” ชูดิจิทัล รับผู้บริโภคยุค Post Covid