บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. (AOT) ระบุว่าบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) ในการประกอบกิจการบริการภาคพื้นและคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ภายใต้กระบวน การในประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการโครงการร่วมลงทุนที่มีมูลค่าต่ำกว่าที่กำหนดในมาตรา 9 (5,000 ล้านบาท) แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนฯ พ.ศ.2562 พ.ศ.2563 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 และประกาศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ตามที่ทอท. ได้ให้สิทธิประกอบการบริการภาคพื้น ณ สนามบินภูเก็ต แก่การบินไทย มีอายุสัญญาตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2563 - 29 เมษายน 2564 โดยได้ผูกอยู่กับสัญญาอนุญาตให้บริการคลังสินค้า ณ สนามบินภูเก็ตด้วยนั้น
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 การบินไทย ได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ทำให้ไม่มีสิทธิได้รับเลือกเป็นคู่สัญญาของรัฐตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เรื่อง ลักษณะของเอกชนที่ไม่สมควรให้ร่วมลงทุนในโครงการร่วมลงทุน พ.ศ.2562 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562
โดยเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2563 การบินไทยได้มีหนังสือขอต่ออายุสัญญาประกอบการฯ แต่เนื่องจากจะขัดกับประกาศคณะกรรม การนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนฯ ข้างต้น
ดังนั้น ทอท. จึงไม่สามารถพิจารณาการให้สิทธิดำเนินการประกอบกิจการทั้ง 2 กิจกรรมแก่การบินไทยต่อเนื่องได้ ซึ่ง ทอท.ได้แจ้งประเด็นดังกล่าวให้ การบินไทยรับทราบแล้วในการประชุมร่วมกันระหว่าง ทอท.และ การบินไทยมาโดยตลอด
ได้แก่ 1. การประชุมเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2563 2. การประชุมเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2564 และ 3. การประชุมเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 ซึ่ง การบินไทยรับทราบปัญหา แต่มิได้ดำเนินการใดๆ ตามกระบวนการกฎหมายจนสัญญาหมดอายุลง
ทั้งนี้ปัจจุบันได้มีประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เรื่อง ลักษณะของเอกชนที่ไม่สมควรให้ร่วมลงทุนในโครงการร่วมลงทุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2564 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564
โดยยกเว้นให้นิติบุคคลที่ยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการหรือถูกศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการแต่เป็นนิติบุคคลที่หน่วยงานของรัฐมีทุนรวมอยู่ด้วยเกินกว่าร้อยละ 25 และเป็นหรือเคยเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐในกิจการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ พ.ศ.2562 สามารถร่วมลงทุนกับหน่วยงานรัฐได้
แต่การให้สิทธิประกอบการยังคงต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินโครงการร่วมลงทุนที่มีมูลค่าต่ำกว่าที่กำหนดในมาตรา 9 ฯ โดย ทอท. มีความยินดีและพร้อมที่จะพิจารณาให้สิทธิการบินไทย ประกอบกิจการตามขั้นตอนของกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม การให้บริการภาคพื้นและคลังสินค้า ณ สนามบินภูเก็ตเป็นกิจกรรมที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการให้บริการของสนามบิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมให้บริการภาคพื้น ซึ่งมี การบินไทยเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียว หากสิ้นสุดสัญญา ณ วันที่ 29 เมษายน 2564 จะไม่มีผู้ประกอบการรายใดให้บริการเลย
ทอท. มีความกังวลในเรื่องความพร้อม
ในการให้บริการของ การบินไทยทั้งในส่วนของอุปกรณ์ และบุคลากร ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการให้บริการได้ทันทีที่เที่ยวบินระหว่างประเทศเริ่มกลับมาทำการบินตามปกติ อันจะกระทบต่อความต่อเนื่องทางธุรกิจและการเปิดประเทศ
ดังนั้น เพื่อสร้างเสถียรภาพในการดำเนินกิจการให้บริการภาคพื้นและคลังสินค้า ณ ทภก.ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก และเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดขึ้นกับประเทศโดยรวม
ทอท.จึงจำเป็นต้องให้บริษัท AOTGA (บริษัทลูก)ซึ่งมีความพร้อมเข้าประกอบกิจการแทน และเพื่อรองรับในทุกสถาน การณ์ที่จะเกิดขึ้น แม้ว่าการประกอบการของบริษัท AOTGA ในปัจจุบันจะอยู่ในสภาวะขาดทุนก็ตาม
เมื่อผู้โดยสารกลับมาเป็นปกติและสามารถทำกำไรได้แล้ว การบินไทยก็สามารถร่วมทุนกับ ทอท.ในกิจกรรมดังกล่าวได้ ซึ่งคณะกรรมการ ทอท.ได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดโอกาสให้ การบินไทยสามารถเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทร่วมของ ทอท.ได้ในอนาคต
หรือหากการบินไทยไม่ประสงค์จะร่วมทุนฯ ก็สามารถยื่นความจำนงเข้าขอประกอบกิจการตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนดได้ต่อไป
ทอท.ในฐานะผู้บริหารสนามบินหลัก 6 แห่งของไทย ซึ่งถือเป็นประตูสู่ประเทศ มีความยินดีและพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของ การบินไทยที่เป็นหน่วยงานที่ได้ทำงานเคียงข้างร่วมกันมาอย่างยาวนาน รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ในธุรกิจการบินให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติต่างๆ ไปได้ เพื่อร่วมมือกันผลักดันให้อุตสาหกรรมการบินของไทยเติบโตไปสู่ระดับโลกต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: