จากผลกระทบของโควิด-19 ระลอก 3 ที่เกิดขึ้น ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ปรับลดเป้าหมายการท่องเที่ยวของประเทศไทยในปี 2564 จากการสร้างรายได้รวมอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท ลดลงเหลือ 8.5 แสนล้านบาท โดยคาดว่าตลอดทั้งปีนี้ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 4 ล้านคน สร้างรายได้ 3 แสนล้านบาท และไทยเที่ยวไทยจะอยู่ที่ราว 100-120 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 5.5 แสนล้านบาท
ลดเป้าหายฮวบ 3 แสนล้าน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าการปรับลดเป้าหมายการท่องเที่ยวในปี 2564 หลักๆ สืบเนื่องมาจากการปรับลดเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่หลายฝ่ายคาดว่าจะเหลือ 1.5-2% จากเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ต้นปีที่ 4%
ในขณะที่ 1% คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 157,000 ล้านบาท ดังนั้นปรับ GDP Growth ลงประมาณ 2% เท่ากับ 300,000 กว่าล้านบาท เราก็เอาไปหักจากเป้าหมายการท่องเที่ยวเดิมที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ ว่าในปีนี้อยู่ที่ 1.2 ล้านล้าน ก็จะลดลงเหลือประมาณ 850,000-900,000 บาท เป็นเป้าหมายใหม่ในการสร้างรายได้ของททท.ในปี 2564 ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน
ส่วนสถานการณ์การท่องเที่ยวในตลาดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ยังไม่มีสัญญาณลบที่เกิดจากการระบาดระลอกใหม่ ทุกตลาดยังให้ความสำคัญกับการเปิดโมเดล “Phuket Tourism Sandbox” ซึ่งยังคงเดินหน้าตามแผนที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วแบบไม่กักตัว
นักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงนี้ ยังมีจำนวนไม่มากนัก เนื่องจากอยู่ระหว่างการรับวัคซีนในประเทศของตน และหลายๆ ประเทศ เกิดการระบาดระลอกใหม่เหมือนประเทศไทย เช่น ญี่ปุ่น และหลายประเทศในภูมิภาคยุโรป
สำหรับการปรับลดเป้าหมายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศลง สืบเนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจในประเทศน่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าจากสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่ โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
เนื่องจากในขณะนี้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอยู่ในหลัก 2 พันคนต่อวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการเดินทางท่องเที่ยว เพราะส่วนใหญ่ทุกคนจะระมัดระวังมากขึ้น ทำให้กิจกรรมท่องเที่ยวชะลอตัวลง แต่ผลกระทบจะมากหรือน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าเราควบคุมการระบาดได้เร็วแค่ไหนแล้ว นับไปอีก 14-28 วัน
ชู“เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 3
อย่างไรก็ตามแม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่ททท.ยังมองเรื่องการกระตุ้นการเดินทางเที่ยวในประเทศเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย โดยเตรียมจะเปิดโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 3 ในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ รวมถึงการเปิดตัวโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 โดยคาดว่านักท่องเที่ยวไทยน่าจะเริ่มทยอยเดินทางอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมเป็นต้นไป
สำหรับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”เฟส3 ในขณะนี้ททท.อยู่ระหว่างการเปิดให้ผู้ประกอบการเข้ามาแสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการภายใต้เงื่อนไขใหม่ ที่มีการเพิ่มห้องพักขึ้นมาอีก 2 ล้านคืน (รูมไนท์) โดยในส่วนของโรงแรมต้องมีการส่งจำนวนห้องพักที่มีทั้งหมดและราคาห้องพักพร้อมRate Plan ปี2562 ให้ททท.พิจารณาและตรวจสอบ
ก่อนจะเปิดให้ประชาชนเข้ามาจองใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม-31สิงหาคมนี้ โดยต้องจองต้องที่พักล่วงหน้า 7 วัน เพื่อจะได้มีการเข้าไปตรวจสอบว่าการจองมีความผิดปกติหรือไม่ และเมื่อเดินทางไปเช็กอินที่โรงแรมต้องมีการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน และจะมีการสุ่มตรวจการเข้าพักด้วยว่าได้มาพักจริงหรือไม่ ส่วนมูลค่า E-Voucher ก็จะให้เหลือ 600 บาทต่อวันเท่ากันทั้งวันธรรมดาและวันหยุด
ดัน “ทัวร์เที่ยวไทย”27พ.ค.นี้
ในส่วนของโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” ซึ่งรัฐจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยว 40% ไม่เกิน 5,000 บาทต่อสิทธินั้น ก็จะมีการเปิดให้ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวที่จดทะเบียนถูกต้อง เข้าร่วมโครงการ โดยนำเสนอรายการนำเที่ยว 15 รายการ (แบ่งประเภท รูปแบบการให้บริการราคา และเงื่อนไขการเดินทาง/ไม่มีราคาขั้นต่ำ) ซึ่งรายการนำเที่ยวที่ปรากฏในเว็บไซต์ต้องแสดงรายละเอียด (ชื่อโรงแรม/ร้านอาหาร) และผ่านการอนุมัติจากคณะทำงาน
การเปิดให้จอง “ทัวร์เที่ยวไทย” ที่จะเริ่มในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปสามารถจองได้ โดยต้องติดตั้งแอปฯ “เป๋าตัง” จากนั้นเข้าไปดูรายการนำเที่ยวทาง www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย จากนั้นติดต่อบริษัทนำเที่ยว ชำระค่ารายการนำเที่ยว 60% แก่บริษัทนำเที่ยว แล้วเดินทาง ต้องมีการสแกนคิวอาร์โค้ดและสแกนใบหน้า ซึ่งเปิดให้เดินทางท่องเที่ยวในช่วง 4 เดือน คือพฤษภาคม-สิงหาคม 2564
ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการสำคัญในการกระตุ้นการเดินทางเที่ยวในประเทศในประเทศให้กลับมาขยับขึ้นอีกครั้ง หลังการควบคุมการแพร่ระบาดใหม่นี้ได้สำเร็จ
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,674 วันที่ 29 เมษายน - 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
ข่าวเกี่ยวข้อง: