อาหารหมา-แมวโตแสนล้าน

06 พ.ค. 2564 | 19:10 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ค. 2564 | 09:32 น.

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงไทยโตพรวดแสนล้าน อานิสงส์โควิด คนอยู่บ้านมากขึ้น บิ๊กวงการ ทั้งซีแวลู ไทยยูเนี่ยน ซีพี เอเชี่ยนฯ แข่งขยายผลิตรับตลาดรุ่ง เทลงทุนร่วม 5 พันล้าน มั่นใจปีนี้ดันไทยผงาดท็อปทรีอาหารหมา-แมวโลกเป็นครั้งแรก

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงไทย เป็นหนึ่งในสินค้าที่น่าจับตามอง จากนับวันตลาดในประเทศและตลาดส่งออกเติบโตอย่างก้าวกระโดด ยิ่งช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่คนล็อกดาวน์ตัวเองอยู่กับบ้านและ work from home มากขึ้น การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเฉพาะอย่างยิ่งสุนัขและแมวเพื่อคลายเหงา และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ได้เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ส่งผลให้อาหารสุนัขและแมวของไทย ขยายตัวเป็นเลข 2 หลัก และปีนี้มีสิทธิ์ที่จะผงาดขึ้นเป็นผู้ส่งออก 1 ใน 3 ของโลกเป็นครั้งแรก

นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ นายกสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ปีนี้การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไทย ซึ่งมีอาหารสุนัขและแมวเป็นหลัก คาดจะขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ตํ่ากว่า 10% ผลจาก 1.ภาษีนำเข้าสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงที่ไทยส่งออกไปยังประเทศคู่ค้า ณ ปัจจุบันเฉลี่ย 0-5 % และหากเป็นประเทศคู่สัญญาเขตการค้าเสรี(FTA)กับไทยภาษีเป็นศูนย์ 2.แนวโน้มตั้งแต่เกิดโควิด-19 คนอยู่บ้านมากขึ้น มีการทำงานที่บ้านมากขึ้น เกิดความเหงา ทำให้ซื้อสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงเป็นเพื่อนมากขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก

ชนินทร์  ชลิศราพงศ์

3.คนมีปัญหาเศรษฐกิจและอยู่เป็นโสดเพิ่มขึ้น หรือแต่งงานแล้วก็ไม่อยากมีลูกเป็นภาระจึงเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนมากขึ้น ส่งผลดีมานต์อาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

“เรื่องอาหารสัตว์เลี้ยง เจ้าของไม่ค่อยคำนึงถึงเรื่องราคาเท่าไหร่ เพราะหมา-แมวพูดไม่ได้ ถ้ากินอาหารไปแล้วไม่สบายค่ารักษาแพงกว่าคนอีก ดังนั้นต้องเลี้ยงและให้อาหารดี ๆ ซึ่งอาหารสัตว์เลี้ยงแพงกว่าอาหารคนมากกว่า 2 เท่า และมาร์จิ้นสูงกว่า”

ในส่วนของสมาชิกสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทยที่มีอยู่ 11 บริษัท ส่วนใหญ่ผลิตอาหารสุนัขหรือแมวแบบเปียกโดยมีเนื้อสัตว์จากปลา ทูน่า เลือดปลา กระดูก และอื่น ๆ เป็นส่วนผสม เพราะส่วนใหญ่เป็นโรงงานผลิตทูน่ากระป๋อง และผลิตภัณฑ์ทูน่าอยู่แล้ว แต่โดยใช้บายด์โพรดักส์จากปลาทูน่ามาใช้ในการผลิต ซึ่งในส่วนของบริษัทที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคม เช่นซีพีก็ซื้อบายด์โพรดักส์ไปผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงเช่นกัน

“ปัจจุบันของการส่งออกอาหารสุนัขและแมวแบบเปียกของไทย ส่งออกโดยสมาชิกของสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทยสัดส่วน 65% จากในปี 2563 ไทยส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงในภาพรวมมูลค่ากว่า 6.2 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 19% ส่วนตลาดในประเทศไม่ทราบตัวเลขที่ชัดเจน แต่มีความเป็นไปได้ที่จะมีมูลค่าถึง 3 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับตลาดส่งออกมูลค่ารวมก็เกือบแสนล้าน

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง

ทั้งนี้การส่งออกอาหารสุนัขและแมวของผู้ผลิตไทย ณ ปัจจุบันส่งออกในแบรนด์ตัวเองสัดส่วนประมาณ 20% และรับจ้างผลิตในแบรนด์ดัง ๆ ให้กับลูกค้าทั่วโลก 80% ซึ่งจากแนวโน้มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีทิศทางที่สดใส เวลานี้มีผู้ประกอบการหลายรายได้ได้หันมาตั้งโรงงาน หรือขยายไลน์ผลิตอาหารสุนัขและแมวเพิ่มขึ้น อาทิ ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป, ซีแวลู กรุ๊ป, เครือซีพี และกลุ่มเอเชี่ยน อันไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นต้น โดยบริษัทเหล่านี้ได้ลงทุนทุกรายรวมกันเวลานี้ไม่ตํ่ากว่า 5,000 ล้านบาท

“โอกาสที่ไทยจะขึ้นสู่ท็อปทรีโลกของผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงในปีนี้มีสูงมาก เพราะถ้าโตปีหนึ่ง 10-20% ก็ติดท็อปทรีได้ไม่ยาก โดยเซ็กเตอร์อาหารสัตว์เลี้ยงเป็นตลาดที่เปิดและขยายกว้างกว่าตลาดทูน่ามาก เวลานี้โรงงานในกลุ่มปลาทูน่าไม่มีใครสร้างโรงงานเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่จะขยายมาทางด้านอาหารสัตว์เลี้ยงมากกว่า”

ข้อมูลจาก www.trademap.org ปี 2020(2563)การส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัขและแมวพิกัด 2309.10 (อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีเนื้อสัตว์) ของโลก มีมูลค่ารวม 17,076 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 5.29 แสนล้านบาท คำนวณที่ 31 บาทต่อดอลลาร์) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13% ประเทศผู้ส่งออก 5 อันดับแรกได้แก่ เยอรมนี มูลค่า 2,176 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ +20% ,สหรัฐฯ 1,725 ล้านดอลลาร์ +6%, ฝรั่งเศส 1,660 ล้านดอลลาร์ +8% ,ไทย 1,646 ล้านดอลลาร์ +19% และเนเธอร์แลนด์ 1,319 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ +10%

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,676 วันที่ 6 - 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2564