ตามที่พบข้อมูลข่าวเผยแพร่บนสื่อออนไลน์ กรณีบริษัทนำเที่ยวเปิดขายทัวร์พร้อมฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศ หรือเรียกว่า "วัคซีนทัวร์" ซึ่งนำเสนอรายการนำเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แต่ดึงดูดความสนใจของประชาชนด้วยการพาไปฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยรายการนำเที่ยวลักษณะนี้เริ่มมีแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักเน้นไปที่ประชาชนที่มีกำลังซื้อสูง สามารถเดินทางไปฉีดวัคซีนในต่างประเทศได้ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากขึ้น เพราะต้องปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลไทยและข้อกำหนดของประเทศปลายทาง
กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ มีความห่วงใยในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ที่จะทำทัวร์ในลักษณะนี้ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 ดังนี้
1. ต้องเป็นผู้จดทะเบียนและได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว กรณีนำเที่ยวต่างประเทศต้องได้รับใบอนุญาตประเภททั่วไป (รหัส 11)
2. การโฆษณาในรายการนำเที่ยวต้องมีรายละเอียดตามที่กฎหมายกำหนด และสามารถดำเนินการได้จริงตามที่โฆษณาไว้
นอกจากนี้ บริษัทนำเที่ยวควรต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ของประเทศปลายทาง ในการเดินทางเข้าประเทศช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการกักตัว ข้อจำกัดในการเดินทางท่องเที่ยว เงื่อนไขในเข้ารับการฉีดวัคซีนของประเทศนั้นๆ รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน เป็นต้น
สำหรับประชาชนที่สนใจรายการนำเที่ยวในรูปแบบวัคซีนทัวร์ขณะนี้ ควรตรวจสอบและพิจารณาข้อมูลให้ครอบคลุมทุกด้านก่อนตัดสินใจซื้อทัวร์ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนี้
1. ตรวจสอบการมีใบอนุญาตของบริษัทนำเที่ยวที่เว็บไซต์กรมการท่องเที่ยว www.dot.go.th
2. เช็กประวัติการร้องเรียนบริษัทนำเที่ยว โทร 0 2141 3171
3. การซื้อทัวร์เป็นการจ่ายเงินซื้อบริการล่วงหน้า ให้พิจารณาความเป็นไปได้ของการเดินทางทุกครั้ง และติดตามสถานการณ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งการซื้อทัวร์ที่ราคาต่ำกว่าทุน
4. เก็บหลักฐานต่างๆ เช่น ใบเสร็จรับเงิน แผนการเดินทาง หากมีกรณีร้องเรียน
5. ตรวจสอบการอนุญาตเดินทางระหว่างประเทศว่า มีมาตรการกักตัวก่อนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศปลายทางอย่างไร สำหรับประเทศไทยยังคงมาตรการกักตัวผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ 14 วัน
6. ติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในต่างประเทศก่อนตัดสินใจซื้อทัวร์ได้ที่ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ สายด่วน 0 2572 8442
กรมการท่องเที่ยวขอแนะนำข้อมูลอันเป็นประโยชน์นี้ เพื่อให้ประชาชนและผู้ที่สนใจซื้อทัวร์นำไปประกอบการพิจารณาและตรวจสอบให้มั่นใจ ก่อนตัดสินใจซื้อทัวร์
นอกจากนี้ในวันนี้ (วันที่ 5 พฤษภาคม 2564) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีการประชุมหารือในกรณี วัคซีนทัวร์ พร้อมด้วยนายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว และ ผู้แทนจากบริษัทนำเที่ยว My Journey Travel Company Limited ต่อการจัดแพ็คเกจทัวร์พ่วงฉีดวัคซีน
ภายหลังการประชุม นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า กรณีบริษัทนำเที่ยวเปิดขายทัวร์พร้อมฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศ หรือเรียกว่า "วัคซีนทัวร์" ซึ่งนำเสนอรายการนำเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แต่ดึงดูดความสนใจของประชาชนด้วยการพาไปฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยรายการนำเที่ยวลักษณะนี้เริ่มมีแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักเน้นไปที่ประชาชนที่มีกำลังซื้อสูง สามารถเดินทางไปฉีดวัคซีนในต่างประเทศได้
แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากขึ้น เพราะต้องปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลไทยและข้อกำหนดของประเทศปลายทาง
“ผู้ที่จะทำทัวร์ในลักษณะนี้ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 นอกจากนี้ บริษัทนำเที่ยวควรต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ของประเทศปลายทาง ในการเดินทางเข้าประเทศช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการกักตัว ข้อจำกัดในการเดินทางท่องเที่ยว เงื่อนไขเข้ารับการฉีดวัคซีนของประเทศนั้นๆ รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการฉีดวัคซีน” อธิบดีกรมการท่องเที่ยวกล่าวทิ้งท้าย
ข่าวเกี่ยวข้อง: