นายสุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทในปีนี้จะโฟกัส 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนฟเทศ, ธุรกิจบริการ, ธุรกิจพลังงาน, ธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่นส์ และธุรกิจเทรดดิ้ง โดยตั้งเป้าที่จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งมีรายได้ราว 14,300 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 13%
ทั้งนี้ใน 2 ปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจเทรดดิ้งมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ทำให้บริษัทหันมาให้ความสำคัญในการทำธุรกิจมากขึ้น ทั้งในกลุ่มสินค้าโกรเซอรี่ อาทิ น้ำมันพืชกุ๊ก กะปิ-น้ำปลาตราชั่ง ผงปรุงรสทิพรส ปลากระป๋องซูมาโกฯลฯ, กลุ่มขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม อาทิ กรีนนัท, ทิบิ, กู๊ดไทม์ น้ำตาลสดเน็กตร้า และกลุ่มเพอร์ซันนอล แคร์ อาทิ แปรงสีฟันจอร์แดน เป็นต้น
โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มไลน์สินค้าเพอร์ซันนอล แคร์ ในกลุ่มจอร์แดน ได้แก่แปรงสีฟันเด็กและยาสีฟันเด็กจอร์แดน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และในอนาคตบริษัทยังมุ่งนำเสนอสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภคเข้ามาเพิ่มมากขึ้น และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจด้วย
ขณะที่ก่อนหน้านี้บริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด โดยให้บริษัทบุญรอดฯ เข้ามาช่วยในเรื่องของการกระจายสินค้าหน่วยรถเงินสดไปยังร้านค้าต่างๆ โดยเริ่มต้นจากน้ำมันพืชกุ๊ก ซึ่งพบว่ามียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัว ทำให้ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะขยายไลน์สินค้าให้บุญรอดฯ จัดจำหน่ายให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายกว่า 4 หมื่นร้านค้า ทั้งโมเดิร์นเทรด, เทรดดิชั่นนอลเทรด, ฟู้ดเซอร์วิส, ช่องทางพิเศษอื่นๆ รวมถึงช่องทางออนไลน์ ด้วย
“ออนไลน์ ถือเป็นช่องทางใหม่ที่ล็อกซเล่ย์เริ่มขยายเข้าไป หลังจากที่เกิดโควิด-19 ขณะที่ตลาดรีเทลเมืองไทยในช่วงที่ผ่านมามีการพัฒนาอย่างมาก ทำให้ทุกธุรกิจของล็อกซเล่ย์ ยังคงมีการเดินหน้าทั้งในกลุ่มธุรกิจค้าส่งวัตถุดิบให้กับร้านอาหาร แม้ธุรกิจโรงแรมจะได้รับผลกระทบบ้างจากการปิดให้บริการและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง”
สำหรับทิศทางของการดำเนินธุรกิจของล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จะมุ่งไปที่กลุ่มอาหารเป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่ยังเติบโต ขณะที่กลุ่มสแน็ค อาจจะรุกทำตลาดไม่มากนักเพราะเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงและไม่ชำนาญ ส่วนธุรกิจเฮลท์แคร์จะรุกหนักในปีหน้า โดยสัดส่วนรายได้ของกลุ่มเทรดดิ้ง มาจากกลุ่มโกรเซอรี่ 80%, สแน็ค 12% และอื่นๆ 8%
นายสุรช กล่าวว่า แนวทางการทำธุรกิจของเทรดดิ้งมุ่งขยายตัวในหลากหลายรูปแบบทั้งการลงทุนของตนเอง รวมถึงการ M&A, การร่วมทุนกับบริษัทที่มีศักยภาพซึ่งเริ่มพูดคุยกันบ้างแล้วและจะมีความชัดเจนมากขึ้นในปีนี้และปีหน้า โดยบริษัทต้องการพันธมิตรที่มีศักยภาพด้านการทำตลาดเพื่อช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร เพิ่มสัดส่วนยอดขายและกำไรแบบก้าวกระโดด ขณะเดียวกันบริษัทก็มีความพร้อมในการลงทุนหรือการซื้อกิจการในระดับ 500 ล้านบาทจากสภาพคล่องของกระแสเงินสดที่บริษัทมีอยู่ได้ทันที
“ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทปรับปรุงทั้งภายในและภายนอก โดยลูกค้าทุกช่องทางในกลุ่ม B2B ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมและกลุ่มอุตสาหกรรม มีการปรับปรุงทักษะ ฐานข้อมูลของลูกค้า ทำให้บริษัทมีความพร้อมในด้านการให้บริการ ทำให้สามารถเติบโตได้กว่า 40%”
สำหรับผลประกอบการของล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้งในไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขาย 1 หมื่นล้านบาท ตามวิชั่น 3-4 ปีขององค์กร
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,676 วันที่ 6 - 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :