เหนื่อยใจรัฐบริหารงานฉีดวัคซีนแยกส่วน พนักงานร้านอาหารแสนคนเก้อ

14 พ.ค. 2564 | 07:10 น.

นายกสมาคมภัตตาคารไทยระบายความรู้สึกผ่านเฟซบุ๊ก ระบุเหนื่อยใจบริหารงานฉีดวัคซีนแยกส่วน ระหว่างกรมควบคุมโรค-กทม. ทำพนักงานร้านอาหาร 1 แสนคนเก้อ ร่อนจดหมายร้องนายกประยุทธ์

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเฟซบุ๊กส่วนตัว สะท้อนถึงการบริหารงานฉีดวีคซีนของภาครัฐที่ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียว โดยระบุว่าเหนื่อยใจจังบริหารงานแยกส่วนแบบนี้ คงจะใกล้ตาย หมดใจ เร็วๆนี้นายกฯให้วัคซีนเลขาฯสมช.มอบผู้ว่า อัศวินผู้ว่ากทม. ดูแลร้านอาหารที่เราไปบิวท์ให้อยากฉีดวัคซีน

ผู้ว่า กทม.ให้ดร.หนุ่มคนหนึ่งติดต่อมา 2 ทุ่มวันอังคาร เราก็ดีอก ดีใจ  ส่งข้อมูลถึง 5 ทุ่ม นัด 15  พ.ค.ฉีดวันแรกถามแล้วมีวัคซีน ได้แน่นะ ส่งทุกอย่างที่เป็นข้อมูลให้ภายในคืนนั้น

วันรุ่งขึ้น ทำแผนไปให้ เดี๋ยวแค้ปหน้าจอให้ดูหายไปทั้งวัน วันพุธเย็น บอกว่า วัคซีน...หมด

วันนี้ มีหมอ กรมควบคุมโรคโทรมา กรมควบคุมโรค (คร.) เป็นคนจัดสรรวัคซีน ต้องการทราบว่า มีคนจะฉีดเท่าไหร่

ตอบไปว่า ตอนนี้ แสนกว่าคน หมอ ญ. ตอบมาว่า  คร.มีแต่วัคซีน คนฉีด เป็น กทม. แต่ตอนนี้ รอวัคซีนมา

เฮ้ย!แล้วมาชวน พวก ตรู ฉีดทำไม คนไม่กล้าฉีด
ร้านอาหารในกรุงเทพฯ ลงทะเบียน มา 100,000 คน( แสนคนอยากฉีด) มีชื่อ ที่อยู่ รายละเอียดพร้อม แบบหมอพร้อมวัคซีนไม่พร้อม ก็ไม่บอก

ตอนรับปากว่า ผมจัดให้พี่จะให้ฉีดวันละ 5000 คนไม่ได้บอกเลยว่าไม่มีหรือ มีแต่วันรุ่งขึ้นวัคซีนจำเป็นต้องไปที่ไหนนี่อานิงสงส์ นายก ฯ ห่วงร้านอาหารฉีดไป ก็ได้เครดิตลุงตู่ ขนาดบอกว่า เอาวันละหลักร้อยคน สัก15-16-17 พ.ค.3 วันไปเกณฑ์ ร้านดังๆมาทำข่าวให้ ฉีดให้ นัดแล้วด้วย ป่านนี้ ยังติดต่อไม่ได้ ทำงานไร ฟระ ?

คนร้านอาหารนี่ว่านอน สอนง่าย ให้ปิด ก็ปิด ไม่ให้นั่ง ก็ไม่นั่ง จะให้เปิด เงื่อนไขอะไร ก็จะทำตาม ตั้งแต่รอบ 1 รอบ 2 รอบ 3 บอบช้ำขนาดนี้ ยังโดนหลอกเรื่องวัคซีน อีกเหรอ ท่านอัศวิน ขวัญเมือง ระหว่างวัคซีน ไม่มีจริงๆ กับส่งลูกน้องมาคุยงงๆช่วยรับผิดชอบ คนร้านอาหาร 1 แสนคนที่อยากฉีดวัคซีนด้วย

ฐนิวรรณ กุลมงคล

นอกจากนี้นายกสมาคมภัตตาคารไทย ยังได้ขอให้นายกรัฐมนตรี  รัฐบาล ศบค. วอนช่วยเหลือร้านอาหารเร่งด่วน ตามข้อเรียกร้องที่ทางสมาคมภัตตาคารไทยในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการภัตตาคาร ร้านอาหารได้เรียนนำเสนอถึงสาเหตุความจำเป็น และความเดือดร้อนของผู้ประกอบการร้านอาหารได้ได้รับผลกระทบจากมาตรการข้อบังคับของศบค.

โดยเฉพาะการนั่งรับประทานในร้านสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดไปแล้วนั้นว่าขณะนี้มีผู้ประกอบการร้านอาหารจำนวนไม่น้อยอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการต้องปิดกิจการ และหลายรายต้องปิดกิจการไปแล้วตามที่ปรากฏให้ได้ทราบในสื่อต่าง ๆ เพราะยอดขายที่หายไปเนื่องจากรายได้หลักของร้านอาหาร 80% มาจากรายได้เปิดนั่งรับประทานในร้าน ซึ่งตลอดช่วงเวลาการระบาดของไวรัสโควิด-19

ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุม แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารก็ปรับตัว หาวิธีประคับประคองตัวเองมาตลอด พร้อมทั้งยังคงมีการจ้างงานไม่ปล่อยให้พนักงานตกงาน และธุรกิจร้านอาหารยังเป็นซัพพลายเชนเชื่อมโยงกับภาคการผลิต บริการต่าง ๆ

ธุรกิจร้านอาหาร คิดเป็น 18 %ของGDP ประเทศในปี พ.ศ.2564 นี้มีหลายหน่วยงานคาดว่าจะเหลือแค่. 4 แสนล้านบาทแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของธุรกิจนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ภาคธุรกิจร้านอาหารให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการควบคุมการแพร่ระบาดด้วยดีมาตลอด เราแทบไม่ได้ออกมาเรียกร้องการเยียวใด ๆ เลย

ถึงแม้ว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านั้นกลุ่มธุรกิจร้านอาหารจะเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือได้น้อยมากในทางปฏิบัติเพราะติดเงื่อนไขข้อบังคับต่าง ๆ มากมาย ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็มองผ่านและตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินช่วยเหลือตัวเองต่อไป เพราะสิ่งที่คนทำร้านอาหารให้ความสำคัญมากที่สุด คือการได้เปิดขายตามปกติ เพื่อให้เกิดรายได้กระแสเงินสดหมุนเวียนกลับมา

แต่สำหรับวิกฤตในรอบ 3 นี้ จะเห็นว่าได้ว่า ภาคธุรกิจร้านอาหารมีข้อเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐมาเป็นระยะ ๆ เนื่องจากการบอบช้ำสะสมจากวิกฤตในการระบาดรอบที่ผ่านมายังไม่ได้รับการฟื้นฟูเมื่อต้องหยุดให้บริการนั่งรับประทานในร้าน หรือ มีระยะเวลานั่งรับประทานในร้านได้จำกัดทำให้รายได้หายไปเมื่อรวมกับวิกฤตที่เจอมาในช่วงแรกจึงสะสมจนแบกไว้ไม่ไหว หลายร้านต้องปิดตัว เจ๊งถาวร และอีกหลายร้านต้องปิดชั่วคราว รวมถึงอีกหลายร้านกำลังจะเจ๊ง

จึงขอเรียนมายังท่านนายกฯในอีกครั้งว่า ข้อสั่งการมาตรการเยียวยาวต่าง ๆ ที่ท่านมีมายังผู้ประกอบการร้านอาหารแม้บางข้อจะได้รับการดำเนินการจากผู้เกี่ยวข้องแล้ว เช่น เรื่องการจ่ายเงินชดเชยลูกจ้างในระบบประกันสังคม 50% เป็นต้น แต่ก็ยังมีหลายข้อเรียกร้องที่ยังไม่รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมทันเวลา อาทิ เรื่องวัคซีนสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารใน 8 จังหวัดพื้นที่ระบาดรุนแรง โดยเฉพาะในพื้นที่กทม.ที่ขณะนี้มีจำนวนผู้ประกอบการ และบุคคลากรในร้านอาหารพื้นที่กทม.ลงทะเบียนสมัครใจขอรับการฉีดวัคซีนในวันที่ 15-21 พฤษภาคม ( รวมเกินกว่า 1 แสนคน)

เพราะด้วยคาดหวังว่า วัคซีนจะเป็นทางออกของการยับยั้งการแพร่ระบาดและช่วยให้ระบบเศรษฐกิจประเทศกลับมาขับเคลื่อนได้เป็นปกติอีกครั้ง ยิ่งในภาวะประชนชนยังไม่มั่นใจต่อการฉีดวัคซีนแต่คนภาคธุรกิจร้านอาหารกลับสมัครใจด้วยความยินดีในการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม

แต่กลับปรากฏว่าการจัดสรรวัคซีนของทางกทม.ไม่มีส่วนสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารที่แสดงความสมัครใจลงทะเบียนขอฉีดวัคซีนกับทางสมาคมภัตตาคารไทยไว้แต่อย่างใด ซึ่งหากบุคคลากรภาคธุรกิจร้านอาหารสามารถได้รับการฉีดวัคซีนได้โดยเร็วจะเป็นผลดีต่อภาคเศรษฐกิจประเทศโดยตรง และยังมีส่วนในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากร้านอาหารมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคทั่วไป

สำหรับข้อเสนอในส่วนของกรมอนามัยที่มีต่อร้านอาหารในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อนำไปสู่การผ่อนปรนให้กลับมาเปิดนั่งรับประทานในร้านได้ ซึ่งมีจำนวน 9 ข้อ ดังนี้นั้น

1.ต้องให้ร้านอาหารทุกร้านทำแบบประเมิน Thai Stop Covid

2.ปรับลดที่นั่งในร้านเหลือ 25%-50%( สำหรับ open air ร้านเล็ก)

3.เว้นระยะห่าง 2 เมตร

4.นั่งในร้านได้ไม่เกิน 2 ชม.

5.ห้ามกินอาหารร่วมกัน ห้ามกินอาหารในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ ต้องแยกอุปกรณ์ของใครของมัน

6.ระบบระบายอากาศในร้านต้องดี

7.คัดกรองพนักงาน ซักประวัติพนักงานทุกคน ทุกวันเพื่อเป็นฐานทะเบียนข้อมูลสำหรับเช็คไทม์ไลน์ความเสี่ยงของพนักงาน

8.พนักงานในร้านทุกคนต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา

9.เข้มงวดพนักงานหลังร้านให้สวมหน้ากากตลอดเวลา

ขอเรียนให้ทราบว่า แม้บางข้อหากปฏิบัติตามก็เป็นอุปสรรคในการประกอบกรณีร้านขนาดเช่น ร้านเล็กพื้นที่จำกัดจะเป็นอุปสรรคอย่างมาก แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารก็พร้อมปฏิบัติเพื่อให้สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติโดยเร็ว และจะขอเรียนให้ท่านทราบว่า ร้านอาหารส่วนใหญ่ได้มีมาตรการป้องกันเข้มงวดด้านสาธารณสุขอย่างดีมากกว่า 9 ข้อนี้อยู่แล้ว

จึงมั่นใจได้ว่า หากอนุญาตให้ร้านอาหารเปิดนั่งรับประทานในร้านได้จะไม่เป็นสถานที่แพร่ระบาด หรือ คลัสเตอร์อย่างแน่นอน ยิ่งหากผู้ประกอบการและบุคคลากรของร้านได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วด้วยแล้วก็จะยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นได้มากขึ้น ดังนั้นจึงขอความเมตตามายังท่านให้พิจารณาผ่อนปรนให้ร้านอาหารสามารถเปิดนั่งรับประทานในร้านได้ทันทีเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 14 วันของมาตรการข้อบังคับที่ใช้ล่าสุด เพื่อต่อลมหายใจให้กับธุรกิจร้านอาหารได้ไปต่อ

จึงขอเรียนมาให้ท่านได้ทราบว่า ความห่วงใยที่ท่านนายกฯ มีต่อภาคธุรกิจร้านอาหารในบางเรื่องสำคัญยังไม่ได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมและโดยเร็ว ซึ่งหากปล่อยไว้ หรือรอแก้ไขปัญหาเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงแล้วอาจไม่ทันการณ์และเมื่อถึงเวลานั้น อาจต้องใช้งบประมาณมากมายในการฟื้นฟู แต่หากช่วยให้ร้านอาหารได้ดำเนินกิจการเป็นปกติได้ทันทีเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 14 วัน ธุรกิจนี้ก็จะค่อย ๆ ฟื้นฟูได้ด้วยตัวเองต่อไป

ข่าวเกี่ยวข้อง: