สุชีพ ธรรมาชีพเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่ม Bakery & Beverage Cuisine บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (Central Restaurants Group) หรือ “ซีอาร์จี” เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารในปี 2564 ยังมีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา แต่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยจะเห็นได้จากความคึกคักของตลาดเบเกอรี่จากการฮอต ฮิต ของขนมครัวซองต์ ทำให้อุตสาหกรรมเบเกอรี่มีการเปลี่ยนแปลงแบบมีนัยยะสำคัญ
โดยในปี 2563 มูลค่าตลาดเบเกอรี่รวมสูงเฉียด 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ขนมปัง 53% ขนมเค้ก 22% และ ขนมอบ (เช่น พาย ครัวซองต์ คุ้กกี้) 25% คาดว่าครัวซองต์ทำให้สัดส่วนขนมอบเพิ่มมูลค่ามากขึ้น ส่วนตลาดกาแฟ แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ตลาดรวมกาแฟในไทยคงที่ ไม่ได้เติบโต และไม่ได้ลดลง หากให้แยกประเภทตลาดกาแฟที่มีมูลค่ารวม 60,000 ล้านบาท นี้แบ่งเป็น ตลาดกาแฟในบ้าน 33,000 ล้านบาท ที่ได้อานิสงส์จากโควิด-19 เติบโตราว 10% และ ตลาดกาแฟนอกบ้าน 27,000 ล้านบาท เติบโตลดลง 30-40%
สำหรับภาพรวมของกลุ่ม Bakery & Beverage Cuisine ซึ่งประกอบด้วย 4 แบรนด์อาหารชั้นนำ ได้แก่ มิสเตอร์ โดนัท (Mister Donut), อานตี้ แอนส์ (Auntie Anne’s), โคล สโตน ครีมเมอรี่ (Cold Stone Creamery) และ อาริกาโตะ (Arigato) รวมกับ 1 โรงงาน คือ ซีอาร์จี แมนูแฟคเจอริ่ง (CRGM) ด้วยผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อเนื่องมาจากปีก่อนหน้า
ส่งผลให้ยอดขายของกลุ่มในช่วงครึ่งปีแรกของปี 64 ที่ประมาณการรายได้ไว้อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท จึงปรับแผนให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ อาทิ การบริหารจัดการงบประมาณที่จำกัด เน้นการลงทุนที่จะต้องได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธภาพสูงสุด การปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพิ่มช่องทางการขายมากขึ้น
โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์และเดลิเวอรี่ เนื่องด้วยยอดการสั่งเดลิเวอรี่ของมิสเตอร์ โดนัท และ อานตี้ แอนส์ ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา มียอดการสั่งเติบโตจากก่อนโควิดมากกว่า 300% ในปี 64 จึงได้วางเป้ายอดขายจากช่องทางเดลิเวอรี่รวมกว่า 500 ล้านบาท
พร้อมเดินหน้าจัดกลยุทธ์รับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ได้แก่ New format เร่งเพิ่มโมเดลรุกหาลูกค้าเต็มพิกัด ด้วยโจทย์หลักของยุคนี้ คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ในทุกที่และให้บริการได้ง่ายที่สุด เพื่อเร่งสร้างยอดขาย และตอบเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เดินทางหรือออกนอกบ้านน้อยลง จึงเพิ่มหลากหลายโมเดล และขยายสาขาโมเดลใหม่ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ลูกค้า เน้นการมองหาพื้นที่ใหม่ ๆ ขยายสาขาได้คล่องตัว เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในสถานที่และแหล่งชุมชนต่าง ๆ และ เอื้ออำนวยต่อธุรกิจในรูปแบบใหม่ซึ่งก็คือเดลิเวอรี่และออมนิชาแนล
ขณะเดียวกัน ก็ดำเนินการอย่างใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์ โปรโมชั่นพิเศษที่ดึงดูดใจเพื่อกระตุ้นยอดขาย และ จัดสินค้าพิเศษ (Exclusive Product) เฉพาะกลุ่มลูกค้า เพื่อสร้างความแตกต่าง
New business model การขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยแบรนด์ มิสเตอร์ โดนัท และ อานตี้ แอนส์ มีแผนมีจะขยายสาขาโดยการขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ เพื่อเป็นช่องทางในการเพิ่มยอดขาย และเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วใปที่สนใจได้เข้ามาร่วมการเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของ 2 แบรนด์ โดยตั้งเป้าว่า มิสเตอร์ โดนัท จะสามารถเปิดขายแฟรนไชส์ได้ในปีนี้ (2564) ช่วง Q3 และ อานตี้ แอนส์ ใน Q4
New channel ช่องทางการขายใหม่ สู่ช่องทางออนไลน์และเจาะกลยุทธ์ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง อาทิ โฟกัสออมนิชาแนล ซื้อสินค้า ซื้อดีลต่างๆ สั่งอาหาร ได้ทั้งแบบเดลิเวอรี่ และ คลิก แอนด์ คอลเลค (click and collect) บน Line OA, เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านมาร์เก็ตเพลส (Marketplace) และระบบแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ อย่าง Shopee Mall ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีลูกค้าให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมาก
จึงมีแผนที่จะขยายตลาดเพิ่มไม่ว่าจะเป็น Lazada ,JD Central และ Line shopping ต่อไปในอนาคต รวมไปถึง ช่องทาง C2C หรือ Customer to Customer ซึ่งเป็นช่องทางใหม่ที่น่าสนใจ เพราะเป็นโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แบบผู้บริโภคไปยังผู้บริโภคที่สามารถขยายและต่อยอดการขายในวงกว้างมากขึ้น โดยใช้กลยุทธ์เปิด ร้านขายบนแพลตฟอร์มของตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับสิทธ์จาก ซีอาร์จี ทั้งการขายปลีกและการขายส่ง
New occasion ส่งมอบประสบการณ์ความอร่อยหลากหลายเมนู ที่เข้าถึงได้ในทุกช่วงโอกาส โดยพัฒนาและต่อยอดเมนูเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และเข้าถึงง่าย อาทิ เมนูแกร็บ แอนด์ โก (Grab & Go), เทคโฮม (Take home) และสินค้าพร้อมทาน (RTE product)
ด้านผลการดำเนินงานในปี 2564 ตั้งเป้าสามารถสร้างรายได้กว่า 2,900 MB เติบโตกว่า 18-20%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :