นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในช่วงโควิดที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยเฉพาะส่วนของยอดขายจากนักท่องเที่ยวที่หายไป บริษัทจึงปรับตัวหันไปขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นเพื่อให้รายได้กลับเข้ามา
โดยในปี 2563 มีรายได้รวม 4,435 ล้านบาท ลดลง 6.5 % จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,748 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/2564 มีรายได้รวม 1,239 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการขาย 1,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากการขยายต่างประเทศบริษัทยังให้ความสำคัญในการขยายไลน์สินค้าเพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นโดยพัฒนาสินค้าตามเทรนด์ตลาดคือ เจเล่กัญชงและน้ำดื่มผสมวิตามิน อควา วิตซ์กัญชง คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายในประเทศได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ พร้อมรุกส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศในไตรมาส 4 ทันที
โดยจะโฟกัสไปที่ตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป เนื่องจากมีหลายประเทศให้กัญชาถูกกฎหมายและยังไม่มีผลิตภัณฑ์เจลลี่ผสม CBD และน้ำดื่มวิตามินผสม CBD วางจำหน่าย ในขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของCBD จะสูงกว่าผลิตภัณฑ์ปกติอย่างน้อย 1 เท่าตัว เนื่องจากบริษัทจะใช้สารสกัดCBD ที่ให้ฤทธิ์ผ่อนคลายล้วนไม่มีสาร THC ที่ให้ฤทธิ์กระตุ้นประสาทผสม
ในขณะที่บริษัทผู้ผลิตและสกัด CBD คุณภาพดียังมีน้อยทำให้ต้นทุน CBD สกัดบริสุทธิ์มีราคาสูงมากราคาผลิตภัณฑ์จึงสูงตามไปด้วย ทำให้การทำการตลาดในยุโรปสามารถกระจายได้กว้างกว่าในเอเชียที่คาดว่าจะสามารถส่งออกได้เฉพาะประเทศจีนที่ กัญชง ถูกกฎหมาย
“บริษัทพัฒนาสินค้าเรียบร้อยแล้วและอยู่ในขั้นตอนการสำรวจตลาด ว่าผู้บริโภคชอบแนวไหน แต่เราจะใช้ CBD มาเป็นส่วนประกอบ แน่นอน เราจะไม่ตามกระแส เราจะทำตามความถูกต้องเพราะตอนนี้พรบ.อาหารและยายังไม่คลอด บางคนก็เร่งออกผลิตภัณฑ์ไปก่อนเลยใส่ได้แค่กลิ่นเทอปีน เพราะฉะนั้นภายในไตรมาส 3 นี้สินค้าของเราจะออกออกสู่ตลาดแน่นอน
หลังจากนั้นจะเริ่มส่งออกไปประเทศที่ CBD ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น จีน ซึ่งปัจจุบันศรีนานาพร ได้เข้าไปจดทะเบียนบริษัทในประเทศจีนแล้ว เพื่อลดข้อจำกัดต่างๆทั้งเรื่องภาษีนำเข้า และโอกาสในการขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นช่องทางการจำหน่ายที่สำคัญมากในตลาดจีนและเน้นไปที่ประเทศยุโรปเพราะมีหลายประเทศที่ CBD ถูกกฎหมาย
อีกสาเหตุหนึ่งคือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ CBD เป็นสินค้าที่ราคาแพงกว่าสินค้าพื้นฐานทั่วไป เพราะต้นทุนวัตถุดิบแพงเราจึงต้องขายแพงไม่ใช่เพราะเราอยากขายแพง การตลาดเราจะแคบมันไม่ทั่วถึงและไม่คุ้มค่าที่จะทุ่มการตลาดเข้าไป”
นอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้ บริษัทยังมีแผนรุกตลาดขนมขบเคี้ยวผสมกัญชง โดยใช้ขนมปังขาไก่โลตัส ที่มีความแข็งแรงของแบรนด์มาต่อยอด ซึ่งอาจจะใช้ใบกัญชงหรือเมล็ดมาบดผสมเป็นกิมมิค เจาะกลุ่มแมส เพราะต้นทุนถูกกว่าสารสกัด CBD ทำให้ราคาสินค้าไม่แตกต่างกับสินค้าพื้นฐานมากนัก
ทั้งนี้ปัจจุบันตลาดกัญชาและกัญชงทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท มีอัตราการเติบโตกว่า 30% ต่อปีและอีก 4 ปีข้างหน้ามูลค่าตลาดจะเพิ่มเป็นกว่า 3 ล้านล้านบาท จากการที่ประเทศต่างๆทั่วโลกซึ่งขณะนี้มีไม่น้อยกว่า 68 ประเทศที่เปลี่ยนนโยบายจากพืชเสพติดเป็นพืชเศรษฐกิจ โดยตลาดหลักยังคงเป็นเป็นสหภาพยุโรป มูลค่า 39,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รองลงมาคือ สหรัฐ 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเอเชีย 12,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,688 วันที่ 17 - 19 มิถุนายน พ.ศ. 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :