นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เผยว่าการแพร่ระบาด โควิด-19 ในไทย และทั่วโลกยังส่งผลกระทบต่อเนื่องต่ออุตสาหกรรมการบินทั่วโลก และไทย จากปริมาณการเดินทางที่ลดลง และยังไม่กลับมาเป็นปกติ
ส่วนมาตรการห้ามบินพื้นที่ 13 จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรง ที่เริ่มบังคับใช้กับเส้นทางการบินในประเทศ เริ่มตั้งแต่ 21 ก.ค.นี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินที่จะปรับลดลงไปอีก
เนื่องจากทั้ง 2 สนามบินหลัก คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ในเขตจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มห้ามทำการบิน
ล่าสุดช่วงกลางเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาปริมาณผู้โดยสาร รวม 6 สนามบินของทอท.ลดลงเหลือเฉลี่ยวันละ 1 หมื่นคนหรือติดลบ 80% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่มีปัญหาหนักเช่นกัน
ทั้งนี้ปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินที่ลดลง ส่งกระทบโดยตรงต่อรายได้และรายจ่าย ทำให้ล่าสุดกระแสเงินสดของบริษัทได้ปรับลดลงเหลือเพียง 2.1 หมื่นล้านบาท ลดลงจากช่วงเดือน เม.ย.64 ซึ่งอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 2 พันล้านบาทในช่วงไม่กี่เดือน ขณะที่ช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีกระแสเงินสดมากเกือบ 8 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกระแสเงินสดคงเหลือรวม 2.1 หมื่นล้านบาท กับรายจ่ายในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายตามแผนการลงทุน คาดว่า อาจจะประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง เริ่มตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีหน้า หรือเริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.65 เป็นต้นไป
แม้ว่าภาระเบิกจ่ายงบลงทุนช่วงนี้จะปรับลดลงจากมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างสนามบินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดตามมาตรการของรัฐบาลก็ตาม
ส่วนความคืบหน้าในการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ บอร์ด ทอท.ได้อนุมัติกรอบวงเงินไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาทว่า ขณะนี้ทอท.อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ด้านการบินช่วงเริ่มตารางบินฤดูหนาว เดือน ต.ค.
เพราะจะทำให้เห็นความชัดเจนเรื่องการเปิดน่านฟ้าของแต่ละประเทศได้มากขึ้น จากนั้นจะทำให้คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารได้ ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจกู้เงิน
หากน่านฟ้าเปิดมากก็อาจจะกู้เงินน้อย และหากน่านฟ้ายังปิดก็อาจจะต้องกู้เงินในวงเงินที่มาก ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ แต่จะเห็นแผนกู้เงินชัดเจนในเดือนต.ค.นี้แน่นอน