นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า หลังจากที่ AIS ได้รับสิทธิในการถ่ายทอด “โอลิมปิก โตเกียว 2020” ในฐานะ Official Broadcaster อย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับผลตอบรับจากคนไทยอย่างล้นหลามถึงการนำเอาความสุขมาให้คนไทยได้รับชมกันอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทัพนักกีฬาไทยสามารถคว้าเหรียญทองจากกีฬาเทควันโด โดย "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รวมถึงน้องแต้ว สุดาพร สีสอนดี นักกีฬามวยสากลสมัครเล่นหญิง ที่ได้รับเหรียญทองแดง ทำให้คนไทยได้ร่วมลุ้น ร่วมเชียร์ นักกีฬาไทย รวมถึงชมกีฬาชนิดต่างๆ ที่สร้างความประทับใจมากมายจากการแข่งขันครั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำการนำคอนเทนต์แห่งความสุขมาให้คนไทยได้รับชม และการเป็นตัวจริงด้านคอนเทนต์กีฬาระดับโลก AIS ขอเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของนักกีฬาไทยอีกครั้งกับการถ่ายทอดสดกีฬา โตเกียว พาราลิมปิก 2020 ในฐานะ Official Broadcaster ที่ถือว่าเป็นมหกรรมกีฬาคนพิการที่ยิ่งใหญ่สุดของโลก มาให้คนไทยได้รับชมผ่าน AIS PLAY แบบจัดเต็มอีกครั้ง
โดย AIS PLAY ได้เตรียมกว่า 7 ช่องกีฬา ให้คนไทยสามารถรับชมการถ่ายทอดสดมหกรรมการแข่งขันกีฬา โตเกียว พาราลิมปิก 2020 ร่วมส่งกำลังใจเชียร์นักกีฬาไทยทั้ง 77 คน ใน 14 ชนิดกีฬา และรวมถึงรายการการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ของนักกีฬาคนพิการทั่วโลกที่มากที่สุด ซึ่งจะประเดิมการถ่ายทอดสดพิธีเปิดในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เวลา 18.00 น. ยิงยาวการถ่ายทอดถึงวันที่ 5 กันยายน 2564 พร้อมไฮไลท์และรับชมย้อนหลังได้ฟรีทุกเครือข่าย ในทุกช่องทางของ AIS PLAY ทั้งบนมือถือและเว็บไซต์ พร้อมคอนเทนต์พิเศษสำหรับลูกค้า AIS ที่แอปพลิเคชั่นบนมือถือ, กล่อง AIS PLAYBOX, SAMSUNG Smart TV, Apple TV และเว็บไซต์ aisplay.ais.co.th
นายปรัธนา กล่าวในตอนท้ายว่า “เรายังคงเดินหน้า คัดสรรคอนเทนต์สุดพรีเมี่ยมระดับโลกมาเติมเต็มประสบการณ์การรับชมบน AIS PLAY อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนเทนต์กีฬาที่ AIS ต้องการมอบความสุข ความบันเทิงจากการรับชมให้คนไทยได้รับชมบนเครือข่ายที่ดีที่สุด โดย พาราลิมปิก 2020 ครั้งนี้ มีนักกีฬาไทยหัวใจเหล็กเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ดังนั้นกำลังใจ เสียงเชียร์ หรือแรงสนับสนุน จะทำให้พวกเขามีพลังแข่งขันอย่างเต็มที่ พร้อมนำความสุข รอยยิ้มมาให้คนไทยได้อย่างแน่นอน โดยชาว AIS ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะร่วมบันทึกอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์การแข่งขันในทุกนาที และขอเป็นศูนย์กลางกำลังใจให้คนไทยได้รับชม รวมใจไทยเป็นหนึ่งเดียว และส่งเสียงเชียร์ไปพร้อมกันอีกครั้ง”