นางศุภากรณ์ ปรีชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮปปี้ ยิม ฟิตเนส บาร์ จำกัด ผู้ให้บริการสถานที่ออกกำลังกาย “Happy Gym Beyond” เปิดเผยว่า มาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ของรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา เพื่อให้บางธุรกิจดำเนินกิจการและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ แต่การคลายล็อกดาวน์รอบนี้เหมือนฝนตกไม่ทั่วฟ้า เนื่องจากไม่ได้ครอบคลุมถึงธุรกิจยิมหรือสถานบริการออกกำลังกาย ทั้งที่เป็นธุรกิจที่มีการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับผู้ที่ทำงานในสถานที่ดังกล่าว ที่สำคัญกิจการฟิตเนสทั่วประเทศได้รับผลกระทบไม่ต่างจากธุรกิจอื่น ๆ เนื่องจากถูกประกาศให้ปิดบริการมาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรกถูกปิดตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคมถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ครั้งที่ 2 ปิดตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคมถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 และครั้งที่ 3 ถูกสั่งปิดมาตั้งแต่วันที่วันที่ 9 เมษายน 2564 จนถึงปัจจุบันยังไม่มีกำหนดวันให้กลับมาเปิดกิจการ
“จากประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจฟิตเนสและให้บริการลูกค้าท่ามกลางการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าสถานบริการออกกำลังกายสามารถเปิดให้บริการได้ภายใต้เงื่อนไขด้านความปลอดภัย เนื่องจากก่อนหน้านี้ “Happy Gym Beyond” ได้ให้ความสำคัญกับมาตรการต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ทั้งเรื่องการคัดกรองลูกค้าและผู้ให้บริการ การทำความสะอาดอุปกรณ์ การกำหนดจำนวนผู้ใช้บริการ และการเว้นระยะห่าง ฯลฯ
ที่สำคัญเราเป็นฟิตเนสที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการได้คือต้องสมัครเป็นสมาชิกแล้วเท่านั้น ดังนั้น รัฐบาลควรจะขยายมาตรการคลายล็อกดาวน์ไปสู่ธุรกิจฟิตเนสที่เป็นสถานที่ปิดและไม่ได้อยู่ในห้างสรรพสินค้า เชื่อว่าสามารถช่วยผู้ประกอบการกลับมาฟื้นธุรกิจได้บ้าง”
ในช่วงที่ผ่านมาผู้ให้บริการธุรกิจออกกำลังกายทั่วประเทศได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง เพราะรายได้หดหายไปจากช่วงก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด ในขณะนี้ต้องรับผิดชอบเรื่องเงินเดือนพนักงาน ค่าเช่าสถานที่ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ โดยไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลเหมือนกับธุรกิจอื่น ๆ ทั้งที่ทุกครั้งที่มีคำสั่งให้ปิดกิจการฟิตเนสจะถูกสั่งปิดเป็นที่แรกและจะอนุญาตให้เปิดบริการสุดท้ายเสมอ จึงต้องการให้ภาครัฐให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้าม เนื่องจากเป็นธุรกิจเพื่อสุขภาพที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่น ๆ