นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะ Commissioner General of Section for Thailand Pavilion เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมงาน World Expo 2020 Dubai ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 31 มีนาคม 2565
ซึ่งเป็นงานมหกรรมใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก ภายใต้แนวคิดหลัก “เชื่อมความคิด สร้างอนาคต: Connecting Minds, Creating the Future” มีผู้เข้าร่วมงาน 192 ประเทศ เพื่อแสดงถึงศักยภาพความพร้อมด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมดิจิทัลของประเทศ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั่วโลก
สำหรับอาคารแสดงประเทศไทยได้พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “การขับเคลื่อนสู่อนาคต” (Mobility for the Future) นำเสนอนโยบายการขับเคลื่อนประเทศ ผ่านการจัดแสดงนิทรรศการทั้ง 4 ห้องหลัก ได้แก่
ห้องที่ 1: Thai Mobility ผ่านความงดงามของศิลปะไทย จัดแสดงในรูปแบบ Walkthrough Exhibition ผู้เข้าชมจะได้พบกับความงดงามตระการตาของเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์จำลอง และราชรถจำลอง ให้ความรู้เกี่ยวกับการเดินทางของคนไทยในอดีต
ห้องที่ 2: Mobility of Life น้ำขับเคลื่อนชีวิตไทย จัดแสดงในรูปแบบ Aquatic Performance สะท้อนภาพประวัติศาสตร์ สังคม ประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ห้องที่ 3: Mobility of the Future นำเสนอภาพยนตร์แอนิเมชัน 360 องศา เพื่อแสดงภาพในอนาคตของประเทศไทยที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลผ่านเมืองอัจฉริยะ (Smart City) พร้อมผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาค
ห้องที่ 4: Heart of Mobility นำเสนอภาพยนตร์สั้น โดยใช้เทคนิค Pyramid Motion Picture บอกเล่าเรื่องราวเสน่ห์ของประเทศไทยในหลากหลายมิติ ที่สร้างความประทับใจให้ชาวต่างชาติเดินทางมาเยี่ยมเยือน ทำธุรกิจ หรือใช้ชีวิตในประเทศไทย
โดยยังมีส่วนของร้านอาหารไทย ‘The Taste of Thai’ ให้ผู้เข้าชมงานได้ลิ้มรสความอร่อยของอาหารไทยแท้ และร้านของที่ระลึก ‘Thai Souk’ ที่คัดสรรสินค้าดีมีคุณภาพจากประเทศไทยมาร่วมสร้างความประทับใจ ส่วนบริเวณด้านหน้าอาคารมีเวทีกิจกรรมจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ภายใต้แนวคิด “Thai iconic: ความเป็นไทยสู่สายตานานาชาติ”
รวมทั้งยังมีนิทรรศการ และกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชนมาหมุนเวียนมาร่วมจัดแสดง ภายใต้แนวคิด The Best of Thailand เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของประเทศไทย ที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ และศักยภาพด้านต่างๆ ของประเทศไทยบนเวทีโลก
โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนจัดกิจกรรมตลอด 6 เดือนเต็ม รวมถึงยังมีตัวแทนเยาวชนรุ่นใหม่ ที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ Thailand Pavilion Ambassador จำนวน 25 คน จากผู้สมัครกว่า 500 คนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นตัวแทนประเทศไทยไปเป็นเจ้าหน้าที่ประจำนิทรรศการของอาคารแสดงประเทศไทยอีกด้วย
สำหรับอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) เป็นหนึ่งในอาคาร Self-Build Pavilion ตั้งอยู่โซน Mobility ขนาดพื้นที่ 3,606 ตรม. หรือ 2.25 ไร่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ใหญ่ที่สุดที่ประเทศไทยเคยเข้าร่วมในงานเวิลด์เอ็กซ์โป โดยการออกแบบนั้นได้นำเอาเสน่ห์ของคนไทย (Thai Hospitality) มาร้อยเรียงอยู่ในทุกองค์ประกอบ
เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าชมตั้งแต่แรกเห็น ด้วยลวดลายการถักทอคล้ายม่านดอกไม้ (ดอกรัก) คล้ายกับพวงมาลัยที่ประดับประดาโดยรอบตัวอาคาร สอดคล้องไปกับสัญลักษณ์ของอาคารแสดงประเทศไทยในครั้งนี้ ที่เลือกใช้ “พวงมาลัย” สำหรับการสื่อสารถึงมิตรภาพ และการต้อนรับที่จริงใจอบอุ่นต่อผู้มาเยือนทุกคนจากคนไทย นอกจากนั้นยังเลือกใช้ “สีทอง” เป็นหลัก เพื่อสื่อถึงแผ่นดินสุวรรณภูมิ และยังเป็นสีที่ได้รับความนิยมในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ในส่วนของโครงสร้างออกแบบให้มีลักษณะเป็นซุ้มโค้งคล้ายคนประนมมือไหว้ สื่อความหมายถึงเอกลักษณ์งานสถาปัตยกรรมไทยอย่างศาลาหน้าจั่ว ซึ่งมีลักษณะคล้ายการไหว้ที่งดงามมาเป็นทางเข้าตัวอาคารที่พร้อมเปิดต้อนรับทุกคนจากทั่วโลก ด้วยองค์ประกอบที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ทำให้อาคารแสดงประเทศไทย สามารถแสดงถึงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม และรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทยได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ยังมี Mascot มาเป็นสัญลักษณ์นำโชค โดยมีชื่ว่า“รัก”(RAK)และ“มะลิ”(MALI) มาสคอตสองพี่น้องตัวแทนประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวของประเทศไทย สร้างจากแรงบันดาลใจ คือ ดอกรักและดอกมะลิ ดอกไม้สำคัญของไทยที่ใช้เป็นองค์ประกอบหลักในการร้อยพวงมาลัยเพื่อมอบให้ผู้มาเยือนแสดงถึงมิตรไมตรีและการต้อนรับอย่างอบอุ่นจริงใจ อีกด้วย