GTG ปั้น Main S-curve ‘กัญชง-กัญชา’ บุกตลาดโลก

11 พ.ย. 2564 | 10:59 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ย. 2564 | 18:04 น.

เปิดยุทธศาสตร์ “โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป” ผงาดตลาดกัญชา กัญชงไทย-ต่างประเทศ เร่งเติมอีโคซิสเต็ม ขยายโรงงานปลูก-สกัด เตรียมพร้อมป้อน CBD ลงตลาด เชื่ออนาคต CBD เป็นแม่เหล็กดึงต่างชาติเข้าไทย

นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการของและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ GTG กล่าวบรรยายในงานเสวนาหัวข้อ “3ก” กัญชง กัญชา กระท่อม New S-curve ในงาน Virtual Seminar “สมุนไพรไทย สมุนไพรโลก THAI HUB : THAI HERB” ว่า GTG ถือเป็นผู้บุกเบิกในธุรกิจกัญชง-กัญชา หลังมองเห็นศักยภาพของตลาดรวมถึงความต้องการของสินค้า CBD ทั้งในเชิงการแพทย์และไม่ใช่การแพทย์ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บวกกับการเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายที่เกิดขึ้นในประเทศ

 

GTG จึงตัดสินใจเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจกัญชา-กัญชง โดยนำเข้าเมล็ดพันธุ์ที่มี CBD สูงจากยุโรป มาศึกษาและวิจัยอย่างถูกต้องตามกฎหมายร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (CRRU) เพื่อหาสายพันธุ์ที่มี THC ต่ำ CBD สูงจนได้แม่พันธุ์กัญชง ‘Raksa’ ที่เน้นความเป็นมาตรฐานและความเป็นนานาชาติ เพื่อส่งออกยังยุโรปได้ สืบเนื่องจากตัวกฎหมายกัญชากำหนดว่า กัญชงในปัจจุบันต้องมี THC ห้ามเกิน 1.7% ถ้าเกินจะกลายเป็นกัญชา ทั้งนี้ GTG ตั้งเป้ารุกกัญชา-กัญชงในอุตสาหกรรมการแพทย์และอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเป็นหลัก

โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป

ปัจจุบัน GTG มีต้นแม่พันธุ์ที่ปลูกในประเทศไทย ใช้ดินในประเทศไทย และสร้างสาร CBD ได้สูงถึง 16% และมี THCไม่ถึง 1% สถานีต่อไปเป็นเรื่องของการสกัด CBD ที่มีความฟลูสเปกตัมซึ่งมีสาร CBD ครบตามธรรมชาติและมี THC ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้โดยใช้เทคนิคในการสกัดที่ดูดเอาสาร THC ออกทั้งหมดเพื่อรองรับตลาดเกาหลีและญี่ปุ่น

 

“กัญชง- กัญชา เป็น Main S-curve ของเรา ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนกัญชง กัญชา เพราะปฎิเสธ ไม่ได้ว่าในอนาคตกัญชงและกัญชาของไทยจะก้าวขึ้นมาเป็น high value  agriculture แต่ก่อนที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องผ่านกระบวนการที่มีมาตรฐานมีอย.รองรับและอีกหลายๆอย่างเช่น เรื่องแรกสายพันธุ์ที่ดีถูกต้องตามกฎหมายนานาชาติเพื่ออำนวยความสะดวกเวลาส่งออกไปยังต่างประเทศ และหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้อง

โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป

เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของการสกัด จากเดิมเป็นการสกัดแบบ CO2 ซึ่งในดอกของเรามีสารสำคัญอยู่ 16% การสกัดแบบ CO2 จะดึงสารออกมาได้แค่ 50% และขายได้แค่ 8% ปัจจุบันนี้เรามี เทคโนโลยีที่การันตีการนำสารสำคัญออกมาได้ถึง 90% เรื่องที่ 3 โค้งสุดท้ายคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ GTG วางตัวตัวเองเป็นผู้ผลิต raw material คุณภาพสูงเพื่อส่งให้บริษัทเครื่องสำอาง บริษัทยาทั้งในและต่างประเทศต่างๆ เราก็ต้องผลักดันให้เกิด high value products ไม่ว่าจะเป็นสตาร์โปรดักต์ เช่น beauty products”

 

ปัจจุบัน GTG เป็นบริษัทแห่งเดียวในเอเชียที่พร้อมผลิตสารสกัด CBD ที่มีคุณภาพสูงในรูปแบบ Full Spectrum ที่ผ่านการสกัดในอุณหภูมิต่ำจนสามารถคง CBDA ไว้ในสารสกัดที่เรียกว่า RAKSA FULL-SPECTRUM CBD ล่าสุด GTG ได้เริ่มทำการปลูกกัญชงในโรงปลูกและผลิตแห่งใหม่ที่เชียงราย

 

ภายใต้โครงการ “GTG Plant Factory” ซึ่งมีโรงเพาะพันธุ์-ปลูก-สกัดกัญชง รวมเอาไว้ด้วยกันและได้มาตรฐาน GAP, HACCP, FSSC220, GHP และเป็นโรงปลูกกัญชงแห่งแรกในเอเชียที่ใช้ระบบการทำฟาร์มแนวตั้ง สามารถทำปลูกและสกัดดอกกัญชงสายพันธุ์ Raksa ได้ถึง 1,080 กิโลกรัมต่อปี หรือสามารถให้สารสกัด CBD ได้มากถึง 75,000,000 มิลลิกรัม เก็บเกี่ยวได้มากถึง 4-5 รอบต่อปี เพื่อส่งออกสินค้าและสารสกัด CBD ไปยังยุโรป

 

รวมทั้งยังเปิดขายสารสกัด RAKSA FULL-SPECTRUM CBD แก่ลูกค้ารายย่อย เพื่อนำไปผลิตเป็นเครื่องสำอางตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด พร้อมส่งมอบในเดือนมีนาคมของปีหน้า นอกจากตลาดรายย่อย GTG ยังมีบริการ OEM สำหรับสินค้าเครื่องสำอางร่วมกับ ZEN Biotech โรงงานผลิตเครื่องสำอางระดับประเทศ ผู้ที่สนใจสารสกัด CBD หรือ พัฒนาสินค้าเครื่องสำอาง CBD ซึ่งล่าสุด ผลิตภัณฑ์สารสกัด RaksaCBD® Full Spectrum จากโรงผลิตที่เชียงรายและกรุงเทพฯ ซึ่งมีพื้นที่ 1,500 ตร.ม. และ 3,000 ตร.ม.

โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป

ในอนาคต GTG มีแผนก่อสร้างโรงผลิตแห่งใหม่ที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเพิ่มกำลังผลิต เพราะในปัจจุบันผลิตภัณฑ์จากโรงผลิตกลุ่มทั้งหมดถูกจับจองเพื่อเตรียมส่งมอบให้ลูกค้าภายในต้นปี 2565 โดยโรงผลิตแห่งที่ 3 มีแผนจะเริ่มการก่อสร้างในช่วงต้นปี 2565 และจะสามารถเริ่มทำการผลิตได้ในช่วงกลางปี 2565 เพื่อก้าวเป็น one stop service เและผลิตไฮเอนด์ CBD

 

“เชื่อว่ากัญชา กัญชงจะพา GTG ไปสู่ตลาดใหม่ๆและช่วยผู้ประกอบการต่างๆสามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆได้ และในอนาคตอันใกล้ตลาด กัญชง-กัญชาจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปเรื่อยๆ เช่น CBD ในรูปแบบของ electric consumption ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง นอกจากนี้ในตลาดปัจจุบันเห็นได้ว่า CBD เองเป็น high value agriculture ที่ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศและเราอาจจะได้เห็น high-end luxury spa CBD ที่โด่งดังไปทั่วโลก”

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดกัญชา กัญชงจะเปิดกว้างและมีโอกาสเติบโตมหาศาลทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต้องการเข้ามาแสวงหาโอกาสทางการค้าจำนวนมาก และในจำนวนไม่น้อยต้องเจอกับปัญหาทางด้านเงินทุน ซึ่งผู้บริหาร GTG มองว่า ผู้ประกอบการที่จะเข้ามาเล่นในตลาดนี้จะต้องมีการควักกระเป๋าลงทุนจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของโรงปลูก โรงสกัด โรงงาน R&D ต่างๆ ในขณะที่การเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือสถาบันการเงินยังมีข้อจำกัดสูง เช่น จะต้องมีรายได้เข้ามาในกิจการก่อนถึงจะสามารถยื่นกู้ได้

 

“ตนมองว่า สถาบันการเงินควรช่วยลดแบริเออร์ในรูปแบบเดียวกันกับไบโอเทคโนโลยีในต่างประเทศ ที่รัฐบาลจะเข้ามาสนับสนุนค่อนข้างมากและอนุมัติง่ายกว่าการกู้เงินทั่วไป ซึ่งจะช่วยผู้ประกอบการได้มาก และเราหวังว่าจะเห็นตลาดและความตื่นตัวของตลาดที่ช่วยสร้างรายได้กลับเข้ามาในประเทศ และนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้ความสนใจเข้ามาทำ CBD Medical และ CBD beauty ในเมืองไทย”

 

หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,730 วันที่ 11 - 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564