บิ๊กเนมพาเหรด ชิงตลาดสัตว์เลี้ยง 4 หมื่นล.

27 พ.ย. 2564 | 07:01 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ย. 2564 | 14:02 น.

พาเหรดชิงตลาดสัตว์เลี้ยง 4 หมื่นล้าน บิ๊กเนมแห่ล้อนซ์สินค้าอาหาร แอคเซสซอรี่ดูดเงินทาสหมา-แมว ชี้กลุ่มคนโสด/ไม่มีลูก/ LGBTQ /ผู้สูงวัย/มิลเลนเนียล หันมานิยมเลี้ยงแก้เหงา ดันตลาดโต 10-30%

การระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบหนักต่อหลายธุรกิจ แต่ในธุรกิจสัตว์เลี้ยงกลับพบว่ามีการเติบโตสวนกระแสตั้งแต่ 10-30% ทั้งในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง อุปกรณ์ของเล่น เสื้อผ้า รวมถึงคลินิกและโรงพยาบาลสัตว์ โดยคาดว่าในปีนี้ทั้งอุตสาหกรรมจะมีการเติบโตกว่า 10% จากปีก่อน ที่มีมูลค่าราว 3.9 หมื่นล้านบาท กลายเป็นเค้กก้อนใหม่ที่ทำให้มีผู้สนใจเข้ามาลงทุนจำนวนมากทั้งจากผู้เล่นเก่าที่ขยายไลน์การลงทุน รวมถึงผู้เล่นหน้าใหม่ที่ทนความหอมหวนไม่ไหว

 

สัตวแพทย์หญิงนวพร ชวนปรีชา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ธุรกิจสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องอย่างน้อย 30% ต่อปี โดยในช่วงโควิดที่ผ่านพบว่า ธุรกิจสัตว์เลี้ยง เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น ซึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมให้ตลาดสินค้าและบริการสัตว์เลี้ยงเพิ่มสูงขึ้น

สัตวแพทย์หญิงนวพร ชวนปรีชา

มาจากเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ที่นิยมเลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว ให้การดูแลเอาใจใส่ในการคัดเลือกสินค้าและผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม รวมถึงลงทุนในด้านการดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงมีคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดี ส่งผลให้สินค้าและบริการเพื่อสัตว์เลี้ยงเติบโตกว่า 10% เป็นอย่างน้อย โดยขึ้นอยู่กับแต่ละเซกเมนท์

 

สำหรับโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ปัจจุบันมีสาขารวม 26 สาขา และมีแผนขยายสาขาเพิ่มในปี 2565 พร้อมทั้งพัฒนาและเปิดตัวกลุ่มสินค้าและผลิตภัณฑ์เพื่อสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมเฮ้าส์แบรนด์ ภายใต้ชื่อ “ดร.ช๊อยส์” (Dr. Choice) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกส์ 100% เน้นสุขภาพที่ดี ความสบายและความไฮยีนของสัตว์เลี้ยง

 

“ดร.ช๊อยส์” เริ่มเปิดตัวออกวางจำหน่ายตั้งแต่ปีก่อน แต่เริ่มทำตลาดจริงจังในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยมีสินค้าในพอร์ตรวม 8 รายการสินค้าเรือธงได้แก่ ทรายแมวและแผ่นรองซับ ซึ่งเดิมผลิตออกมาเพื่อรองรับการใช้ภายในโรงพยาบาล โดยเบื้องต้นมีวางจำหน่ายใน PET SHOP ของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อเป็นหลัก รวมไปถึงช่องทางอีคอมเมิร์ซทุกแพลตฟร์อม และในอนาคตอันใกล้มีแผนส่งผลิตภัณฑ์ Dr. Choice วางจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดด้วย”

ตลาดสัตว์เลี้ยง

 สำหรับโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อและ ผลิตภัณฑ์ Dr. Choice ตั้งเป้าเติบโตตามตลาดสัตว์เลี้ยงอย่างน้อย 30% ตามเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ ที่วันนี้เป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว และเจ้าของต่างให้ความสำคัญกับการดูแลเอาใจใส่ เหมือนเป็นลูกแท้ๆ และเต็มใจจ่ายทั้งเรื่องอาหาร การเป็นอยู่ สุขภาพไปถึงแฟชั่นต่างๆ และพฤติกรรมแบบนี้จะอยู่ตลอดไป เพราะสัตว์เลี้ยงไม่ใช่สินค้าแฟชั่นที่อยู่กับเราช่วงเวลาหนึ่งแต่ต้องดูแลกันไปในระยะยาว”

 

ทั้งนี้ในปีหน้า โรงพยาบาลมีแผนขยายไลน์สินค้า Dr. Choice โดยจะโฟกัสไปที่สินค้าแมว ซึ่งเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะช่วง WFH ซึ่งพบว่าผู้ที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดหันมาสนใจเลี้ยงแมวมากขึ้น เพราะใช้พื้นที่น้อย ไม่ต้องดูแลเยอะ ในส่วนของการตลาดนอกจากช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์และPET SHOP ในโรงพยาบาลแล้ว ยังมีการใช้ influencer หรือ KOL ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงเข้ามาช่วยสื่อสารอีกด้วย

 

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงเป็นธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เลย เพราะอาหารถือเป็นปัจจัยสี่ของสัตว์เลี้ยง รวมถึงแชมพู อาหารเสริม วิตามินที่พบว่ามีการเติบโตต่อเนื่อง

 

ขณะที่การใช้จ่ายโดยรวมของผู้ที่เลี้ยงสัตว์ทั้งหมาและแมวเฉลี่ย 1.42 หมื่นบาทต่อปี ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้จากพฤติกรรมผู้เลี้ยงที่ใส่ใจและคัดสรรสิ่งดีๆ ให้กับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ทำให้เห็นว่าตลาดในระดับสแตนดาร์ดและพรีเมี่ยมมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด จึงมองเป็นโอกาสในการพัฒนาสินค้าเพื่อรองรับ

ไลฟ์เมต

ล่าสุดการเปิดตัว “ไลฟ์เมต” (Lifemate) อาหารสัตว์เลี้ยงในระดับอัพเพอร์สแตนดาร์ดจึงเป็นอีกทางเลือก สำหรับผู้เลี้ยงที่ต้องการอาหารคุณภาพดี ในราคาที่จับต้องได้แทนที่ระดับพรีเมี่ยม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารนำเข้าและราคาสูง โดยเบื้องต้นจะเน้นวางจำหน่าย พร้อมสร้างการรับรู้โดยใช้งบการตลาดราว 30 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายในปีแรก 320 ล้านบาท

 

“วันนี้มีแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงมากกว่า 100 แบรนด์ โดย 60% เป็นตลาดแมส 30% เป็นตลาดสแตนดาร์ดและ 10% เป็นตลาดพรีเมียม ซึ่งไลฟ์เมต มองว่าในตลาดยังมีโอกาสอีกมาก จึงตั้งใจพัฒนาสินค้าขึ้นรองรับ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. นี้เป็นต้นไปผ่านทาง Pet Shop , ช่องทางออนไลน์ และมาร์เก็ตเพลสต่างๆ โดยในปีหน้าจะแตกไลน์ไปยังกลุ่มอาหารเปียก สแน็ค อาหารเสริม วิตามิน และแชมพู ฯลฯ รวมทั้งขยายช่องทางจำหน่ายไปยังโมเดิร์นเทรดด้วย”

 

นางดวงรัตน์ อุดมสมพร รักษาการผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) ผู้จัดงาน Pet Expo Thailand 2021 กล่าวว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงบูมมากโดยเฉพาะในกลุ่มวัยมิลเลนเนียลที่หันมาเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงา ส่งผลให้ตลาดสัตว์เลี้ยงมีการเติบโต 5-10% สวนกระแสเศรษฐกิจ

PET EXPO

นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตคือ การเพิ่มขึ้นของจำนวนคนโสด คู่รักที่ไม่มีบุตร คู่รักกลุ่ม LGBTQ และจำนวนผู้สูงอายุ ที่มีมากขึ้น ซึ่งคนเหล่านี้จะให้ความใส่ใจและดูแลสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างดี ในการคัดเลือกอาหารที่มีคุณภาพ ส่งผลให้สินค้าในกลุ่มพรีเมี่ยมเติบโตมากขึ้นด้วย

 

อย่างไรก็ดีการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสัตว์เลี้ยงในช่วงต้น เนื่องจากคนระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย จากความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจโดยรวม แต่จากมาตรการ WFH และมาตรการเยียวยาต่างๆ ทำให้ภาพรวมเริ่มขยับตัวดีขึ้น ทำให้คาดว่าในงาน Pet Expo Thailand 2021 ในปีนี้

 

มีสินค้าและบริการมาร่วมออกบูธมากกว่า 150 บูธ อาทิ อาหาร, ขนม, อุปกรณ์, เวชภัณฑ์, อาหารเสริม, แชมพู, เสื้อผ้า, เครื่องประดับ, โรงแรม, โรงพยาบาล ฯลฯ จะได้รับความสนใจจากกลุ่มมิลเลนเนียลเป็นอย่างมาก ทำให้มีเงินสะพัดกว่า 30 ล้านบาท

 

“แนวโน้มธุรกิจสัตว์เลี้ยงเชื่อว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง บริการดูแล ตรวจสุขภาพ และสถานที่ออกกำลังกาย เพราะปัจจุบันพฤติกรรมผู้เลี้ยงเปลี่ยนไป เลือกที่จะเลี้ยงสัตว์ให้เป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว จึงเอาใจใส่ ดูแลโดยเฉพาะการป้องกันสุขภาพสัตว์ให้แข็งแรง เพื่อให้สัตว์มีชีวิตยืนยาวมากขึ้น”

 

หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,735 วันที่ 28 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564