แม้ “โอมิครอน" จะส่งผลให้ศบค.มีมติยกเลิกการเปิดรับนักท่องเที่ยวรายใหม่ที่เดินทางเข้าไทยในแบบ Test & Go รวมถึงพื้นที่แซนด์บ็อกซ์อื่นๆ มีผลถึงวันที่ 4 ม.ค.65 ยกเว้น “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” และแฮปปี้ ควอรันทีน แต่ยังคงเดินหน้าจัดงานเคาท์ดาวน์อยู่ และยอดจองการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่นี้ยังได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ประเทศไทยไม่ได้ปิดรับนักท่องเที่ยวรายใหม่เข้าไทยแต่อย่างใด เป็นเพียงการทบทวนมาตรการในระยะสั้นเท่านั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจและควบคุมการแพร่ระบาดของโอมิครอน โดยนักท่องเที่ยวที่ได้รับการอนุมัติ Thailand Pass แล้วราว 2 แสนคน ยังสามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยได้เหมือนเดิมใน 3 ช่องทางต่างๆที่ได้ลงทะเบียนไว้ ไม่ว่าจะเป็น Test & Go ,โครงการแซนด์บ็อกซ์, และแฮปปี้ ควอรันทีน ดังนั้นจะไม่กระทบต่อนักท่องเที่ยวที่เตรียมจะเดินทางมาอยู่แล้ว
ยันไม่ปิดรับนักท่องเที่ยวรายใหม่
ส่วนนักท่องเที่ยวรายใหม่ จะมีการปิดระบบการขอ Thailand Pass ชั่วคราว ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยในแบบ Test & Go และโครงการแซนด์บ็อกซ์อื่นๆ ยกเว้น ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพื่อขอประเมินสถานการณ์ราว 2 สัปดาห์นี้ก่อน ไม่ได้ยกเลิกโครงการนี้แต่อย่างใด โดยนักท่องเที่ยวรายใหม่ที่เดินทางเข้าไทยยังสามารถเข้ามาได้ผ่านโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ และแฮปปี้ ควอรันทีน
อย่างไรก็ตามมาตรการนี้จำเป็นเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่คนไทย แม้การปิดระบบ Thailand Pass สำหรับการเดินทางแบบ Test & Go อาจจะส่งผลกระทบต่อการชลอตัวด้านการท่องเที่ยวที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 70-80% ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันการเดินทางจากนักท่องเที่ยวในแทบยุโรปเองก็มีการชลอตัวอยู่แล้ว เนื่องจากมีการระบาดในประเทศต้นทางสูงมาก นักท่องเที่ยวก็ไม่อยากกลับประเทศแล้วถูกล็อกดาวน์
คาดปีใหม่เที่ยวสะพัด 1 หมื่นล้าน
ในส่วนของการจัดงานเคาท์ดาวน์ในปีนี้ไทยยังคงเดินหน้าจัดงานต่อเนื่อง เพราะไทยมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ดี ไม่เหมือนในยุโรปที่มีการแพร่ระบาดมาก โดยจัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่นี้ ททท.ได้ใช้งบประมาณราว 150 ล้านบาทในการจัดงานเทศกาล “Amazing Thailand Countdown 2022-Amazing New Chapters” โดยจะจัดขึ้นพร้อมกันระหว่างวันที่ 27-31 ธันวาคม 2564 ใน 5 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา และระยอง เน้นส่งมอบความสุขให้แก่ประชาชน ด้วยการจัดแสดงวัฒนธรรมผสมผสานกับ วิถีไทยวิถีถิ่น ศิลปวัฒนธรรม ร่วมกับการควบคุมมาตรการป้องกันโรคของสาธารณสุขที่เข้มงวด
การจัดงานในแต่ละพื้นที่จะจำกัดผู้ร่วมงานอยู่ที่ราว 1-2 พันคน ต้องมีการลงทะเบียนล่วงหน้า แสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และทุกคนที่อยู่ภายในงาน ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดงาน นักดนตรี พนักงาน ประชาชนที่เข้าร่วมงาน ต้องแสดงผลตรวจ ATK ทุกคนและมีผลเป็นลบก่อนเข้างาน 72 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้มีแผนเผชิญเหตุเพื่อรับมือ ในกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 และกรณีฉุกเฉินต่างๆ อีกด้วย
ททท.คาดว่าหยุดยาวในช่วงปีใหม่นี้จะมีการเดินทางเที่ยวในประเทศจำนวน 5-6 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ราว 1 หมื่นล้านบาท จากอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ไม่น้อยกว่า 50% เพิ่มขึ้นจากหยุดยาวในช่วงวันรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ที่มีคนไทยเที่ยวในประเทศ 1.84 ล้านคน-ครั้ง เงินสะพัด 5,720 ล้านบาท
ทั้งนี้การจัดงาน “Amazing Thailand Countdown 2022-Amazing New Chapters” จะเน้นชูเอกลักษณ์ท้องถิ่น 5 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศและกระจายรายได้สู่ฐานราก โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปี ควบคู่กับสร้างความมั่นใจในการบริหารจัดการความปลอดภัยของสถานประกอบการตามมาตรฐาน SHA
อย่างไรก็ตามการจัดเคาท์ดาวน์ปีนี้จะมีการทุ่มงบการจัดงานอย่างในมากกรุงเทพฯโดยภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็น “เซ็นทรัลเวิลด์” ที่ใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ในการจัดงาน ซึ่งมีไฮไลต์อย่าง THE SPECTACLE MUSIC & 3D VISUAL FIREWORK ครั้งแรกของการ Synchronize ระหว่างพลุสุดอลังการ x Thailand Philharmonic Orchestra กว่า 80 ชีวิต x 3D Virtual ครั้งแรก บนจอ the panOramix@centralwOrld จอดิจิตัลอินเตอร์แอคทีฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก และบนจอ Vertical สูง 7 ชั้น ผสานความยิ่งใหญ่ด้วยเทคนิคแบบ VR
รวมถึง “ไอคอนสยาม” ที่จะมีการจุดพลุ 3 หมื่นนัดบนโค้งเจ้าพระยา 1,400 เมตรใหญ่สุดในไทย และภูเก็ต ที่ททท.และภาคเอกชนร่วมกันจัดงาน ซึ่งเฉพาะค่าตัวของนักร้องโอเปราระดับโลก “อันเดรอา โบเชลลี” ก็อยู่ที่ 1 ล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือราว 40 ล้านบาทแล้ว
ยอดจองปีใหม่คึกคัก
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่าช่วงปีใหม่คนไทยมียอดจองการเดินทางท่องเที่ยวที่สูง โดยเฉพาะในภูเก็ต กระบี่ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสนามบินร่วม 8 พัน-1 หมื่นคนต่อเดือนตลอดทั้งเดือนธ.ค.นี้ ส่วนอัตราการเข้าพักเมื่อวัดจากโรงแรมที่กลับมาเปิดให้บริการได้ 50% ก็พบว่าทำเลที่เป็นทำเลท่องเที่ยวอัตราการเข้าพักก็เกือบเต็ม 100% แล้ว เช่นเดียวกับภาคเหนือที่มีอากาศหนาวก็พบว่าโรงแรมมีการจองเข้ามาอย่างหนาแน่น
ผู้ประกอบการไม่ได้กังวลต่อสถานการณ์ช่วงปีใหม่ เพราะคนไทยยังคงเดินทางท่องเที่ยว แต่วิตกว่าหลังปีใหม่ การระงับการจองแบบTest & Go จะทำให้เกิดการชลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังปีใหม่ แต่ถ้าจำเป็นต้องยกระดับมาตรการรับนักท่องเที่ยวก็ต้องทำ แต่รัฐต้องออกมาตรการกระตุ้นเที่ยวในประเทศเข้ามาทดแทนด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขยายเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และที่เอกชนเสนอไม่ว่าจะเป็นโครงการเที่ยวคนละครึ่ง,สนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวผ่านรถบัสนำเที่ยว เป็นต้น
นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมาท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวว่ายอดจองห้องพักช่วงปีใหม่ของเชียงใหม่ เฉลี่ยจะอยู่ที่ 50-60% และถ้าเป็นที่พักตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ตามยอดดอย พบว่ามีการจองสูงถึง 80-100% และทางสนามบินเชียงใหม่คาดว่าจะมีจำนวนผู้เดินทางเข้ามาในช่วงปีใหม่เพิ่มขึ้นจาก 7 พันคนต่อวันเป็น 1 หมื่นคนต่อวันหรือเพิ่มขึ้น 30% โดยส่วนใหญ่เป็นการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ส่วนหลังปีใหม่รู้สึกกังวลว่าการปิดระบบ Test & Go จะทำให้เกิดการชลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทย ภาคใต้ กล่าวว่าช่วงปีใหม่นี้ภูเก็ตมียอดจองเข้าพักเฉลี่ย 30-40% ถือว่าดีแล้วเพราะยังมีโรงแรมกลับมาเปิดให้บริการได้ราว 800-1 พันแห่ง แต่สำหรับโรงแรมที่อยู่ในทำเลท่องเที่ยวตามหาดหลักๆต่างอัตราการเข้าพักก็เกือบเต็ม 100% แล้ว ซึ่งมีทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติอย่างละ 50:50 ส่วนการยกระดับมาตรการคุมโอมิครอน ถ้าภูเก็ตไม่มีนักท่องเที่ยวแบบ Test &Go มีแต่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ก็ไม่มีปัญหาเพราะเราก็ยังสามารถรับนักท่องเที่ยวได้อยู่ ดีกว่าไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวได้เลย