“ชิค-อะ-บูม” โดดชิงมาร์เก็ตแชร์ตลาดไก่ทอดมูลค่า 2.5 หมื่นล้าน

25 ม.ค. 2565 | 10:15 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ม.ค. 2565 | 17:25 น.

เดอะ พิซซ่า คอมปะนี แตก ซัพแบรนด์ “ชิค-อะ-บูม ป็อปอัพ สโตร์”ไก่ทอดพร้อมซอสสูตรลับ 7 สูตร แบบ Shop in shop 15 สาขา พร้อมไดน์อินและTake Away 220 แห่งทั่วประเทศ เสริมทัพยอดขายเมนูไก่ในร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี เติบโตขึ้นอีกเท่าตัว

เมื่อเดือนธันวาคม2564ที่ผ่านมา เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป สร้างกะแสส่งท้ายปีเปิดตัวเมนูไก่ทอด “ชิค-อะ-บูม” ภายใต้แคมเปญที่ว่า “ถึงมาใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ไก่อ่อน” จากกะแสตอบรับที่ล้นหลาม  เดอะ พิซซ่า คอมปะนีตัดสินใจ แตกซัพแบรนด์“ชิค-อะ-บูม ป็อปอัพ สโตร์”ไก่ทอดพร้อมซอสสูตรลับ 7 รสชาติเข้ามาเขย่าตลาดไก่ทอดรับปีขาล 

“ชิค-อะ-บูม”โดดชิงมาร์เก็ตแชร์ตลาดไก่ทอด  2.5 หมื่นล้าน

โดยเบื้องต้น  เดอะ พิซซ่า คอมปะนี จะเปิด “ชิค-อะ-บูม ป็อปอัพ สโตร์” 15 สาขาพร้อมๆกันในรูปแบบ shop in shop ในร้าน  เดอะ พิซซ่า คอมปะนี รวมทั้งเปิดบริการไดน์อินและTake Away ในร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี อีกกว่า 220 แห่งทั่วประเทศ โดยไม่มีบริการเดลิเวรี่ ซึ่งบริหารให้เหตุผลว่า ต้องการให้ลูกค้าได้ทานไก่ทอดปรุงสุกสดๆและเป็นกลยุทธ์ดึงลูกค้ากลับเข้าร้าน

 

 นายภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ   ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เดอะ พิซซ่า คอมปะนีได้เปิดตัว “ชิค-อะ-บูม” (Chick-A-Boom) แบรนด์ไก่ทอดน้องใหม่ไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พบว่า ได้รับกระแสตอบรับที่ดีและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้บริโภค จึงเป็นจุดเริ่มต้นการต่อยอดจนเกิดเป็น “ชิค-อะ-บูม ป็อปอัพ สโตร์” ขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย

“ชิค-อะ-บูม”โดดชิงมาร์เก็ตแชร์ตลาดไก่ทอด  2.5 หมื่นล้าน

โดยในเดือนมกราคมเดือนเดียวบริษัทกำหนดเปิดตัวชิค-อะ-บูม ป็อปอัพสโตร์กว่า 15 สาขา ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ พัทยา ขอนแก่น นครราชสีมาฯลฯ  ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2565 นี้เป็นต้นไป โดยลงทุนสาขาละ4 แสนบาทบนพื้นที่ 50 ตรม. ในร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ในรูปแบบshop in shop ซึ่งมีการแบ่งโซนและตกแต่งในคอนเซ็ปต์ของชิค-อะ-บูม ป็อปอัพสโตร์

 

นอกจากนี้ยังเปิดขายในรูปแบบไดน์อินและบริการซื้อกลับบ้าน (Take Away) ที่ร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี อีกกว่า 220 สาขาทั่วประเทศ โดยจะไม่มีการเปิดบริการเดลิเวรี่หรือเปิดป็อปอัพสโตร์นอกร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี เพราะต้องการให้ลูกค้าได้รับประทานไก่ทอดที่ทอดสุกใหม่ๆและต้องการเรียกลูกค้าให้กลับเข้ามานั่งทานในร้านหลังจากเวิร์คฟร์อมโฮมอยู่บ้านเป็นเวลานาน และคาดว่าชิค-อะ-บูม จะสามารถเสริมทัพยอดขายเมนูไก่ในร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ให้เติบโตขึ้นได้อีกเท่าตัว

“ชิค-อะ-บูม”โดดชิงมาร์เก็ตแชร์ตลาดไก่ทอด  2.5 หมื่นล้าน

“ชิค-อะ-บูม” (Chick-A-Boom)  เกิดจากการมองเห็นศักยภาพของตลาดไก่ทอดในประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดใหญ่ มีมูลค่าตลาดสูงกว่า2.5หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นทุกปี ประกอบกับที่ผ่านมา เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เราเป็นเจ้าตลาดปีกไก่ทอด (King of Wing) ทั้งไก่เกาหลี ไก่บาร์บีคิว ตั้งแต่ยุคแรกๆ ดังนั้นการสร้างแบรนด์ใหม่เพื่อมาชิงส่วนแบ่งการตลาดจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายซึ่งเราอยากที่จะเข้ามาแบ่งบางส่วนเพื่อที่จะทำให้ยอดขายของเราดีขึ้นและมีความหลากหลายของเมนูมากขึ้นในปีแรกตั้งเป้ารายได้ที่1,600 ล้านบาท”

 

 สำหรับกลยุทธ์แจ้งเกิดแบรนด์ ชิค-อะ-บูม ปีนี้เน้นไปที่เจาะกลุามลูกค้าวัยรุ่นและ Fist jobper  โดยเน้นทำการตลาดผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่อดิจิทัลทั้งหมด ในส่วนของเมนูได้ออกแบบให้แตกต่างโดยลูกค้าสามารถเลือกเซ็ตไก่ ซอส และเครื่องเคียง ได้โดยเซ็ตไก่จะแบ่งเป็น 3 แบบ ได้แก่ Chicka อร่อยเดี่ยว มีไก่ 6 ชิ้น ราคา 169 บาท Chicka Chicka อร่อยเป็นคู่ มีไก่ 12 ชิ้น ราคา 289 บาท และ Chicka Chicka Chicka อร่อยกัน มันส์เป็นทีม มีไก่ 18 ชิ้น ราคา 389 บาท 

 

และเลือกซอส 7 รสชาติ อาทิ 1.) วิมปี้ (Wimpy) 2.) ฮันนี่บูม (Honey Boom)3.) สโมคกี้ บอมบ์ (Smoky Bomb) 4.) ทรัฟเฟิล (Truffle) 5.) บัฟฟาโล (Buffalo) 6.) อะตอมมิค (Atomic) และ7.) เซเว่น มิสซายล์ (7 Missiles) นอกจากนี้ยังมีเมนูไฮไลท์อย่าง เดอะ คิลเลอร์ (The Killer) ไก่สายโหด 4 ไม้ใหญ่ เสิร์ฟพร้อมคอร์นด็อกในราคา 499 บาท ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการถ่ายรูปลงโซเชียลเพื่อให้เกิดเป็นกระแสสร้างการรับรู้ในวงกว้าง 

 

ที่สำคัญยังมีกิมมิคสนุกๆตั้งแต่ทางเข้าร้านกับเสียงของชิคกีร่าเพื่อเรียกความสนใจ ในการเรียกพนักงานจะใช้ธงสีสันต่างๆแสดงสัญลักษณ์เช่น ธงสีแดง (Order) และ ธงสีเหลือง (SOS) รวมไปถึงปลอกถุงมือนิ้วบริการเพื่อให้ลูกค้าอร่อยได้เต็มคำไม่ต้องกังวลว่าซอสจะเปื้อนนิ้ว”