นายเรย์ มัทสึดะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โคโคเทล (ประเทศไทย) จำกัด (Kokotel) Hotel Operator สตาร์ทอัพ สัญชาติญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จากความเชี่ยวชาญด้านการบริหารงานโรงแรม ที่เน้นบริหารธุรกิจโรงแรมขนาดกลาง ที่มีจำนวนห้องพักอยู่ระหว่าง 50-200 ห้อง ในเมืองท่องเที่ยวหลักในประเทศไทยมานานกว่า 6 ปี
ล่าสุดโคโคเทลยังสามารถเซ็นสัญญารับบริหารโรงแรมสวนกระแสความซบเซาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เพิ่มอีก 6 สัญญาใหม่ รวม 464 ห้อง
โดยมีการบริหารภายใต้แบรนด์ “Kokotel” ได้แก่ที่
และการบริหารภายใต้แบรนด์ของเจ้าของโรงแรม ได้แก่ที่
แนวทางการดำเนินธุรกิจของ โคโคเทล คือให้บริการและแก้ไขปัญหาโรงแรมอย่างครอบคลุมด้วยระบบการจัดการจากศูนย์กลางรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า “Centralized Operation” ซึ่งเป็นวิธีการบริหารที่ช่วยให้เจ้าของโรงแรมสามารถสร้างผลตอบแทน ได้ด้วยต้นทุนการบริหารงานที่น้อยลง
นอกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว อีกผลกระทบที่ธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กถึงขนาดกลางต้องเผชิญ คือปัญหาการขาดประสบการณ์บริหารงานท่ามกลางวิกฤต เช่น การรักษามาตรฐานการบริการ การจัดการด้านทรัพยากรมนุษย์ การจัดซื้อ หรือแม้แต่ปัญหาในเชิงธุรกิจอย่างผลกำไร ผู้ประกอบการหลายเจ้าพยายามแก้ปัญหาโดยการจ้างแบรนด์โรงแรมขนาดใหญ่เข้ามาบริหาร ทว่าสิ่งที่ตามมาคือค่าบริการในอัตราที่สูง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วกลายเป็นต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) ที่สูงจนเกินไป ทำให้เจ้าของโรงแรมได้รับผลตอบแทนที่ไม่ดีนัก และต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น
ระบบการจัดการโรงแรมจากศูนย์กลาง “Centralized Operation” เกิดประสิทธิภาพที่เด่นชัดขึ้นมากกว่าเดิม โดยโมเดลดังกล่าวจะเริ่มจากการสร้างทีมหลังบ้าน (Back Office) ที่ทำงานโดยทีมบริหารโรงแรมมืออาชีพจากสำนักงานใหญ่โคโคเทล ที่จะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาและสนับสนุนการดำเนินงานด้านต่าง ๆ อย่างสอดคล้องกัน ได้แก่ ทีมขายและทีมตลาด - กับการวางแผนขายห้องพักอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นทั้งการขายแบบออนไลน์และผ่านตัวแทนต่างๆ
พร้อมประเมินสภาพทางการตลาดและปรับโครงสร้างราคาของโรงแรมอย่างเหมาะสม, ทีมบัญชี - ทำงานบันทึกและสรุปงบกำไรขาดทุนอย่างมืออาชีพ, ทีมไอที - ทำหน้าที่คัดเลือกและควบคุมระบบไอที รวมถึงจัดการซอฟต์แวร์ที่จำเป็นต่อการบริหารโรงแรมอย่างเหมาะสม โดยทีมหลังบ้านโคโคเทลจะรับหน้าที่บริหารงานแทนเจ้าของโรงแรม พร้อมส่งมอบรายงานและจัดประชุมแจ้งผลการดำเนินงานเป็นประจำทุกเดือน
ทั้งนี้ ด้วยระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ยังสามารถช่วยสนับสนุนการบริหารโรงแรมได้ทุกรูปแบบ แม้เริ่มต้นจากที่ดินเปล่าหรือไม่มีประสบการณ์บริหารมาก่อน ด้วยทีมออกแบบและบริหารงานก่อสร้าง - ให้คำแนะนำการออกแบบอาคาร พร้อมควบคุมการดำเนินงานและทำงานร่วมกับผู้รับเหมา เพื่อให้โรงแรมก่อสร้างได้ตามมาตรฐานของแบรนด์และเป็นไปตามกำหนดเวลา, ทีมจัดหาและอบรมพนักงาน - ทำหน้าที่ประเมินจำนวนพนักงานที่จำเป็นก่อนจัดหา คัดเลือก และอบรมพนักงาน เพื่อสร้างคุณภาพของการบริการให้เป็นไปตามมาตรฐาน, ทีมอาหารและเครื่องดื่ม - กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารที่ช่วยจัดการวางคอนเซปต์อาหาร และคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพในต้นทุนที่เหมาะสม, ทีมจัดซื้อ - ช่วยจัดการคัดสรรสินค้าที่ได้มาตรฐาน รวมถึงดูแลการติดต่อและต่อรองราคา โดยที่เจ้าของโรงแรมไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานประจำในส่วนงานดังกล่าว ทำให้ “Centralized Operation” เป็นโมเดลที่ช่วยลดต้นทุน และสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นพร้อมกัน
นายเรย์ ยังกล่าวต่ออีกว่า แม้ธุรกิจหลักในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างธุรกิจโรงแรมจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่อย่างต่อเนื่อง แต่โคโคเทลกลับยังคงได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของโรงแรมหลายแห่งให้ช่วยบริหารโรงแรมต่อไป
ด้าน ดร.สุพจน์ กุลาตี หนึ่งในเจ้าของโรงแรมภายใต้การบริหารของโคโคเทล กล่าวเสริมว่า การจับมือเป็นพันธมิตรกับโคโคเทลมามากกว่า 4 ปี เป็นการตัดสินใจที่ช่วยให้เกิดโรงแรม Kokotel Phuket Patong และ Kokotel Krabi Ao Nang ขึ้น พร้อมสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งความสำเร็จนี้จะถูกต่อยอดในปี 65 นี้ด้วย จากการเซ็นสัญญาร่วมงานกับโคโคเทลต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 และ 4 สำหรับการบริหารโรงแรมในมืออย่าง Kokotel Khao Lak Suwan Palm และ Khao Lak Mohin Tara Resort
ปัจจุบัน โคโคเทลมีโรงแรมที่บริหารงานในเครือแล้วทั้งหมด 20 โรงแรมในเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย ซึ่งผลงานนี้ทำให้เรามีความตั้งใจที่จะต่อยอดขยายโมเดลการบริหารโรงแรมด้วยระบบจัดการ Centralized Operation ออกไปอย่างต่อเนื่อง ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยและในต่างประเทศอย่างแน่นอน