สถานการณ์การต้นทุนวัตถุดิบ-การผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2ปีที่ผ่านมาประกอบกำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวกลับมา ส่งผลให้บรรยากาศการจับจ่ายอาหารและเครื่องดื่มไม่คึกคักเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม ยังพอมีโอกาสให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มได้พอมีทางรอดนั่นคือเทรนด์รักษ์สุขภาพ-รักษ์โลกและเทรนด์โปรจากพืชหรือPlant-based ซึ่งมาพร้อมกับการแข่งขันที่สูงลิ่วจากการที่ผู้ประกอบกรูเข้าสู่ตลาดนี้เช่นเดียวกัน
นายไชยงค์ สกุลบริรักษ์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์นมและโภชนาการ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ความท้าทายของธุรกิจในปีนี้คือภาวะการแข่งขันที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต้องพร้อมที่จะปรับตัวตลอดเวลาให้สามารถต่อสู้กับภาวะที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว รวมถึงความท้าทายในเรื่องของต้นทุนการผลิตที่ฝั่งผู้ผลิตทุกๆแบรนด์ต้องเผชิญกับภาวะราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น เนสวีต้าเองก็พยายามที่จะทำทุกวิถีทางที่จะเพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผลในการทำงานทุกอย่างเพื่อบริหารจัดการเรื่องของต้นทุนให้สอดคล้องและบรรเทาภาวะของต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นอย่างจริงจังในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของกำลังซื้อผู้บริโภคที่จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะมีผลกับผลประกอบการของบริษัทเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด สิ่งที่เนสวีต้าทำได้ก็คือมองหานวัตกรรมใหม่ๆและนำเสนอนวัตกรรมเหล่านี้ออกมาเพื่อที่จะช่วยตอบสนองและขยายตลาดและสร้างตลาดใหม่ๆกันต่อไป โดยเฉพาะโอกาสจากเทรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากพืช (Plant-based)ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงโดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “เนสวิต้า ซีเรียล ดริ้งค์” นำเสนอนวัตกรรมเครื่องดื่มธัญญาหารในรูปแบบ UHT พร้อมดื่มในประเทศไทยเป็นที่แรกของโลก
ในปัจจุบัน ผู้บริโภคไทยมีแนวโน้มหันมาใส่ใจสุขภาพและรักษ์โลกกันมากขึ้น เห็นได้จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทรนด์การบริโภคอาหารจากพืช (Plant-based Food) และการรับประทานมังสวิรัตแบบยืดหยุ่น (Flexitarian) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากการสำรวจพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคประเทศไทยโดย Mintel พบว่า 70% ของคนไทยรุ่นใหม่ รู้สึกว่าผลิตภัณฑ์จากพืช (Plant-based product) ตรงกับความต้องการของพวกเขาเป็นอย่างมาก และมีผู้บริโภคเกือบ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศที่เลือกรับประทานอาหารแบบ Flexitarian โดยจัดเป็นกลุ่มคนรักสุขภาพมากถึง 65% ประกอบกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบจากการเรียน หรือภาระงาน จึงเกิดเป็นความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสุขภาพ และความสะดวกสบายมากขึ้นในผู้บริโภคกลุ่มนี้
ขณะที่เนสวีต้ามีความเชี่ยวชาญด้านธัญญาหารและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เรามองเห็นโอกาสที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างตรงจุด ประกอบกับศักยภาพทางการตลาดในการพัฒนาธุรกิจจากเครื่องดื่มธัญญาหารสำเร็จรูปประเภทชงร้อนที่สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งอยู่มากกว่า 70% และเป็นแบรนด์ Top of mind ที่อยู่ในใจผู้บริโภคมาโดยตลอด การเปิดตัว เนสวิต้า ซีเรียล ดริ้งค์ ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์สู่นวัตกรรมเครื่องดื่มธัญญาหารในรูปแบบ UHT พร้อมดื่มเป็นครั้งแรกของโลก เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค อีกทั้งยังช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์ใน Portfolio ของเนสวิต้าให้ครอบคลุมทุกรูปแบบ พร้อมช่วยขับเคลื่อนตลาดเครื่องดื่มธัญญาหารสำเร็จรูปให้มีการขยายตัวและเติบโตมากยิ่งขึ้น
“ในภาพรวมถ้ามองจากเครื่องดื่มชงร้อนที่เนสวีต้าอยู่ในตลาดนานแล้วและมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 70% ตลาดเครื่องดื่มธัญพืชมีมูลค่าตลาดประมาณ 900 ล้านบาทเป็นตลาดที่ปีที่ผ่านมาเติบโตประมาณ 4 %นอกจากนี้เครื่องดื่มพร้อมดื่มในกลุ่ม plant-based ที่ได้รับการเติบโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดกลุ่มนี้ก็มีมูลค่าตลาดใกล้เคียงกันคือ 900 ล้านบาท แต่เป็นตลาดที่มีการเติบโตที่รวดเร็วพอสมควรเพราะมีผู้เล่นใหม่ๆเข้ามาอยู่ในเซ็กเม้นต์นี้ค่อนข้างเยอะ
ในปีที่แล้วเนสวีต้าเองก็มีผลงานที่ดีกว่าตลาดเล็กน้อย เราเติบโตที่ 6 % นับเป็นปีที่ดีของเนสวีต้า หวังว่าสินค้าใหม่ที่เป็นธัญพืช UHT จะช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เนสวีต้าวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม”
ในแง่ของการตลาดบริษัทได้วางแผนกลยุทธ์การตลาด รวมถึงการพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ภายใต้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ตลอดจนวางแผนสื่อสารการตลาดไว้อย่างครอบคลุมทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมแจกผลิตภัณฑ์ ให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิม โดยตั้งเป้าแจกให้ชิมทั้งหมดกว่า 400,000 กล่อง และวางแผนจำหน่ายสินค้าในช่องทางร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่น อีเลฟเว่น ในช่วงแรก เพื่อการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังได้ดึง คุณเต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ แบรนด์แอมบาสเดอร์เนสวิต้า มาร่วมเป็นตัวแทนสะท้อนภาพลักษณ์ของผู้หญิงยุคใหม่ที่ชอบดูแลและใส่ใจสุขภาพ มีไลฟ์สไตล์ที่สอดคล้องและพร้อมที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักอย่างผู้หญิงวัยรุ่น ไปจนถึงวัยทำงานได้เป็นอย่างดี
“แน่นอนว่าจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ผ่านมาจากผลกระทบของโควิด ทุกๆคนได้รับผลกระทบไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมทางใดทางหนึ่ง ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคเองเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพื่อให้ตอบโจทย์และเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบนั้นๆ เนสวีต้าอยากจะนำเสนอทางออกที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคอย่างกว้างขวางและตอกย้ำความเป็นผู้นำเครื่องดื่มและอาหาร ซึ่งเราเริ่มเปิดตลาดจากเครื่องดื่มชงร้อนมาก่อนตอนนี้ขยายมาเป็นเครื่องดื่มพร้อมดื่ม ซึ่งน่าจะช่วยขยายตลาดเครื่องดื่มธัญญาหารให้กว้างขึ้นและเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้บริโภคได้ทดลอง
นอกจากนี้เรายังตั้งเป้าว่าจะสามารถขึ้นเป็นเบอร์ 1 และตอบสนองความเป็น plant based ซึ่งในระยะยาวเรามีแผนขยาย portfolio ของ plant based ที่กว้างและหลากหลายมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค การเปิดตัวนสวิต้า ซีเรียล ดริ้งค์ใน 2 รสชาติ คือรสดั้งเดิมและ รสโกจิเบอร์รี่นี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นคงต้องรอดูว่าผลตอบรับของผู้บริโภคว่าจะออกมาในรูปแบบไหน เพื่อทีมงานสามารถนำมาดีไซน์ portfolio ในอนาคตว่าควรจะต้องพัฒนาไปในทิศทางไหน”