นางสาว สถาพร ไพศาลบูรพา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บูรพา พรอสเพอร์ จํากัด เปิดเผยว่า เดิมบูรพา พรอสเพอร์ เป็นผู้บุกเบิกผลิตและจัดจำหน่ายแป้งข้าวโม่น้ำของโซนภาคตะวันออก ซึ่งปัจุบันมีฐานการผลิตใน 3 ประเทศ คือ บางแสนประเทศไทย กัมพูชาและอินโดนีเซีย รองรับการผลิตและจัดจำหน่ายไปกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
ภายใต้ 3 สินค้าได้แก่ตราหมีคู่ดาว จำหน่ายในไทยและทั่วโลกยกเว้นจีน ตราแพนด้าดาวทำตลาดเฉพาะประเทศจีนและตราเบเกอไรซ์ ผลิตและจำหน่ายแป้งสำหรับเบเกอรี่ ซึ่งตลาดใหญ่อยู่ต่างประเทศโดยเฉพาะในยุโรปหรืออเมริกา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่องของ gluten free ค่อนข้างมาก
โดยมีพอร์ตสินค้าในมือ 3 กลุ่มสินค้าคือ กลุ่มแป้งพื้นฐานกลุ่มแป้ง street food กลุ่มแป้งเบเกอรี่ gluten free สัดส่วนลูกค้ากลุ่มใหญ่คือผู้ประกอบการร้านอาหาร ซึ่งบริษัทได้มีการลงทุนเพื่อพัฒนาสินค้าที่ทำให้ชีวิตลูกค้าง่ายและดียิ่งขึ้น เช่น แป้งทอดกรอบที่ผสมแป้งข้าวอะไมโลสสูง ช่วยลดการอมน้ำมันทำให้อาหารกรอบนานถึง 4 ชม. ที่เหมาะกับร้านอาหารยุค Food Delivery หรือแป้งผสมสำเร็จที่ลดขั้นตอนและเวลาเตรียมอาหารลงเช่น กลุ่มแป้งผสมสำเร็จรูป Thai Street Food
หลังจากเป็นเจ้าตลาดแป้งประกอบอาหารโซนภาคตะวันออกมากว่า 40 ปี ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายตลาดการจำหน่ายให้เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ จึงร่วมมือกับสหพัฒน์ในการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเพื่อผลักดันสินค้าเข้าสู่จังหวัดต่างๆ พร้อมกันนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตและสร้างยอดขาย 1,000 ล้านบาท จากส่วนแบ่งในประเทศ 55% รวมถึงส่งออก 45% จากทั้งหมด 30 ประเทศทั่วโลก
“สินค้าที่จะให้สหพัฒน์ ช่วยกระจายในช่วงแรก จะเป็นกลุ่มแป้งพื้นฐาน เช่น แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งมัน และสาคู ซึ่งเริ่มมีการกระจายออกไปแล้วบางส่วน เครือสหพัฒน์เป็นเครือข่ายค้าปลีกขนาดใหญ่จึงมีความครอบคลุมในวงการค้าปลีกทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นสโคปของการกระจายก็จะเป็นTraditional Trade และ Modern Trade ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ
ในส่วนของการตลาดและการประชาสัมพันธ์หมีคู่ดาวได้เตรียมทำการสื่อสารทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งเตรียม Local Trade Marketing เพื่อส่งเสริมการขายในตลาดภูมิภาคโดยจะนำสินค้าไปโปรโมทให้เป็นที่รู้จักและส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายที่ทางสหพัฒน์ไปเปิดไว้ และนอกการจับมือกับ สหพัฒน์ ปีนี้ บริษัทยังเพิ่มช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรด ผ่านแม็คโครเพราะเป็นช่องทางที่มีส่วนอย่างมากในการผลักดันช่องทางจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมไปถึงกลุ่มธุรกิจ HORECA อีกด้วย”
ด้านนายเวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สหพัฒน์ ให้ความสำคัญกับความร่วมมือครั้งนี้เป็นอย่างมาก โดยส่งทีมบริหารและทีมขายสนับสนุนการกระจายสินค้าเต็มกำลัง และเก็บข้อมูลการทดลองจำหน่ายสินค้า ซึ่งได้ผลตอบรับจากร้านค้าพันธมิตรเป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตามอาจมีความท้าทายเล็กน้อยในเรื่องของพนักงานขายของสหพัฒน์ที่อาจจะยังมีความรู้ไม่ครบในการนำเสนอไปจนถึงการปรับบรรจุภัณฑ์และขนาดที่เหมาะสมสำหรับร้านค้าขนาดเล็ก ร้านค้าใหญ่ รวมถึงเรื่องของต้นทุนโลจิสติกส์ซึ่งสูงในการกระจายพอสมควร
“ผลกระทบจากโควิดจะเป็นเรื่องของการเข้าไปจัดกิจกรรมหน้าร้านไม่ได้ และอาจจะเสียเปรียบตรงที่ว่าในแต่ละภูมิภาค ลูกค้ามีแบรนด์ในใจและเลือกแบรนด์เดิมก่อนเป็นอันดับแรกและจะไม่ค่อยเลือกหรือลองของใหม่เพราะฉะนั้นกิจกรรมที่เราทำก็อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอเพราะคนน้อยลง”
ทั้งนี้สหพัฒน์มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ กระจายสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายประเภทจากศูนย์กระจายสินค้าใหญ่ ที่จังหวัดชลบุรี ไปยังช่องทางการขายกว่า 9 หมื่นช่องทางทั่วประเทศ แบ่งเป็นร้านค้าปลีก ค้าส่ง แบบดั้งเดิม (Traditional Trade) กว่า 8.4 หมื่นร้านค้า และ ร้านค้าปลีก ค้าส่งสมัยใหม่ (Modern Trade) ซึ่ง รวมไปถึงร้านซูเปอร์สโตร์ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และช่องทางพิเศษอีกกว่า 6,000 ร้านค้า
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศราฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,765 วันที่ 13 - 16 มีนาคม พ.ศ. 2565